WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม 2568 ติดต่อเรา
ธุรกิจอาหารก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0

11 พฤศจิกายน 2559 : นายนริศร์ธร ตุลาผล Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เป็นเรื่องที่ภาคธุรกิจทั้งในไทย และต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก โดยอาศัยการใช้ประโยชน์จาก Big Data เป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาธุรกิจ

ธุรกิจอาหารในอุตสาหกรรมปลายน้ำมีศักยภาพในการปรับตัวเพื่อรองรับกับการก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 มากกว่าผู้เล่นในระดับต้นน้ำและกลางน้ำ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากกว่า ทำให้เข้าใจความต้องการและสามารถนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบที่แตกต่างและตอบโจทย์ได้มากขึ้น ซึ่งในอนาคตโมเดลธุรกิจแบบนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีความเฉพาะเจาะจงและหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้ผู้เล่นอื่นๆ ในอุตสาหกรรมอาหารทั้งห่วงโซ่อุปทานจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อให้สามารถพัฒนาศักยภาพ และก้าวข้ามขีดจำกัดของธุรกิจสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

อุตสาหกรรม 4.0 เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมอาหารไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตส่วนใหญ่จะสามารถผลิตสินค้าจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ตาม แต่เทคโนโลยีการผลิตที่เป็นอยู่ก็ยังมีข้อจำกัดหลายประการที่ยังไม่สามารถก้าวข้ามได้ เช่น ปัญหาความผิดพลาดจากกระบวนการผลิต หรือการป้อนข้อมูลความต้องการจากปลายทางที่ไม่ real-time ทำให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตได้ทัน เป็นต้น

Presentation1

ส่งผลให้ภาคธุรกิจทั่วโลกต่างหันมาให้ความสนใจกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมาก เนื่องจากจุดเปลี่ยนสำคัญของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งนี้ คือ การนำเอาเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลมาปรับใช้ เพื่อช่วยให้การส่งผ่านข้อมูลระหว่างผู้เล่นในห่วงโซ่อุปทานทำได้รวดเร็ว และสะดวกมากขึ้น

อย่างไรก็ดี การปรับใช้ไม่ได้หยุดอยู่เฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงขั้นตอนการจัดหาวัตถุดิบเรื่อยไปจนถึงการส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคขั้นสุดท้าย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์การผลิตที่สามารถสื่อสารและแยกแยะบรรจุภัณฑ์อาหารที่แตกต่างกันได้ ซึ่งจะช่วยให้การผลิตอาหารมีความผิดพลาดน้อยลงอย่างมาก หรือการเชื่อมต่อความต้องการบริโภคอาหารที่หลากหลายสู่กระบวนการผลิตอาหารที่จำเพาะเจาะจง (mass customization) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การใช้ประโยชน์จาก Big Data คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในยุค 4.0 ตัวอย่างที่น่าสนใจคือการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เก็บจากบัตรเครดิต หรือบัตรสมาชิกของร้านค้าปลีกต่างๆ ซึ่งภาคธุรกิจสามารถนำข้อมูลดังกล่าวนี้มาประมวลผล เพื่อวิเคราะห์หารูปแบบและพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าแต่ละกลุ่มหรือช่วงอายุได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลเหล่านี้ยังสามารถนำมาต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และความแตกต่างของสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลการใช้จ่ายในบัตรเครดิตของลูกค้าทำให้ธุรกิจอาหารทราบว่าอาหารกล่องรสชาติใดขายดี โดยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกลางน้ำที่ทำหน้าที่ผลิตอาหารอาจตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องผลิตอาหารอัตโนมัติ ในเมนูอาหารกล่องที่ขายดี เพื่อทดแทนแรงงานซึ่งต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถย่นระยะเวลา และลดความผิดพลาดจากกระบวนการผลิตลงได้อีกด้วย ซึ่งการลงทุนนี้สามารถนำไปต่อยอดผสมผสานกับเทคโนโลยีตรวจจับสิ่งปนเปื้อนในอาหาร และแยกประเภทการผลิตอาหารที่เฉพาะเจาะจง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไปในอนาคต

อุตสาหกรรมอาหารปลายน้ำเป็นจุดที่มีความได้เปรียบสูงที่สุด เนื่องจากมีความใกล้ชิด และได้รับข้อมูลจากผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์ต่อยอดร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้ได้สินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น ร้านค้าปลีกสมัยใหม่คือหนึ่งในธุรกิจปลายน้ำของอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งปัจจุบันผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดโลกอย่าง Amazon, Tesco และ Wal-Mart หรือแม้แต่ในไทยอย่าง Big-C, Central Online และ Tops ต่างให้ความสำคัญกับการให้บริการหน้าร้านออนไลน์มากขึ้นกว่าในอดีต เนื่องจากการลงทุนนั้นต่ำกว่าการขยายสาขาค่อนข้างมาก

อีกทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ของผู้บริโภค เช่น อายุ รายได้และประเภทสินค้าอาหารที่สั่งบ่อย เป็นต้น ทั้งนี้ จึงเป็นที่มาของการเริ่มพัฒนาการให้บริการที่มีความแตกต่างหรือมีคุณภาพที่ดีขึ้น เช่น Tesco ที่เกาหลีใต้ได้สร้างร้านค้าปลีกเสมือนจริง (virtual shop) ที่มีบริการสั่งซื้อสินค้าและส่งถึงบ้านได้โดยไม่ต้องเดินทางไปซื้อที่ร้านค้าปลีกจริงขึ้น ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าในกลุ่มลูกค้าที่ทำงานออฟฟิศ เนื่องจากพบข้อมูลว่าลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ค่อยเข้าใช้บริการที่ร้านค้าปลีกและร้านค้าออนไลน์ ประกอบกับลูกค้ากลุ่มนี้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในชีวิตประจำวันเป็นหลัก

Presentation2

อนึ่ง อีไอซีมองว่าในอนาคตอาจเห็นการต่อยอดของเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการให้บริการที่ดีขึ้น เช่น hologram หรือ Augmented Reality (AR) ผ่านทางหน้าจออุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หรือ virtualized screen ที่สามารถแสดงให้เห็นข้อมูลของสินค้าแบบ 3 มิติ เริ่มตั้งแต่การเพาะปลูก หรือการจัดหาวัตถุดิบ สู่กระบวนการผลิต ก่อนจะจัดส่งถึงมือผู้บริโภค หรือแม้แต่การสร้างระบบข้อมูลอัจฉริยะที่สามารถแนะนำเมนูอาหาร และโภชนาการผ่านความต้องการของผู้บริโภคที่เฉพาะจงเจาะได้โดยผู้เชี่ยวชาญทางออนไลน์ เป็นต้น

อีไอซีมองว่า ผู้เล่นในธุรกิจอาหารปลายน้ำควรเริ่มมีการเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภคอย่างเป็นระบบ รวมถึงต้องเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นร่วมกันกับผู้เล่นอื่นๆ ในห่วงโซ่อุปทาน เช่น ข้อมูลพฤติกรรมการบริโภคที่ได้รับแบบ real-time จากร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ช่วยให้บริษัทผู้ผลิตอาหารสามารถวางแผนการผลิตได้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการผลิตอาหารที่มีประสิทธิภาพดังกล่าวยังช่วยเอื้อให้การบริหารร้านค้าปลีก ซึ่งต้องการความต่อเนื่องของจัดส่งสินค้าได้รับประโยชน์ตามไปด้วย

ดังนั้น การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้เล่นทุกระดับในห่วงโซ่อุปทานและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และช่วยให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว) - Copy

ธุรกิจ ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP