16 มกราคม 2560 : กองทุนรวมยังเนื้อหอม มอร์นิ่งสตาร์ เปิดโผปี 59 มีเม็ดเงินลงทุนเงินไหลเข้ามากถึง 524,968 ล้านบาท เติบโต 14.42% ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 4.65 ล้านล้านบาท
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุนประจำประเทศไทย บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมกองทุนรวมในช่วงปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความกังวลตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่ผลโหวต Brexit ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ Fed ในช่วงท้ายของปี
อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยและอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยก็สามารถผ่านไปได้อย่างงดงามด้วยเม็ดเงินลงทุนใหม่ที่หลั่งไหลเข้ากองทุนรวมกว่า 524,968 ล้านบาท ส่งผลให้จบปี 2559 กองทุนรวมโต 14.42% มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 4.65 ล้านล้านบาท
“อุตสาหกรรมกองทุนรวมประเทศไทย ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ กองทุนรวมถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องมากที่สุดอุตสาหกรรมหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นทั้งในแง่ของเม็ดเงินลงทุน การเจริญเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในระดับ 2 หลักอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและเป็นสากลมากขึ้นที่เหล่า บลจ ต่างนำมาเสนอขายให้กับผู้ลงทุน นั้นล้วนแต่สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆของผู้ลงทุนที่มีต่ออุตสาหกรรมกองทุนรวมในประเทศไทย” นายกิตติคุณ กล่าว
นายกิตติคุณ กล่าวอีกว่า 10 ปีหลังมานี้มีเม็ดเงินลงทุนสุทธิมากกว่า 3.4 ล้านล้านบาท ไหลเข้ามาสู่การลงทุนในกองทุนรวมไทย และกว่า 1.96 ล้านล้านบาทเกิดขึ้นภายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ และในปี 2559 นี้กองทุนรวมไทยก็มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนสุทธิกว่า 524,968 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาล และส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมโตทั้งสิ้น 14.42% มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 4.65 ล้านล้านบาท คิดเป็นกว่า 30% ของมูลค่ารวมของตลาดหลักทรัพย์ไทย เม็ดเงินไหลอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทย (ไม่นับรวม ETFs, Infrastructure, REITs ) ย้อนหลัง 10 ปี
ทั้งนี้ ปี 2559 ที่ผ่านมา เปิดต้นปีกันด้วยความผันผวนและความกังวลต่อการลงทุนส่งผลให้เป็นอีกปีหนึ่งที่นักลงทุนไทยหันมาลงทุนกันในกองทุนที่หรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้นแต่ที่ต่างไปจากในอตีดที่ผ่านมานั้นก็คือ นักลงทุนเริ่มเรียนรู้การลดระดับความเสี่ยงการลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ดังนั้น จึงส่งผลให้กองทุนหรือประเภทสินทรัพย์ที่มาแรงในปี 2559 นี้คือ กองทุนแบบผสม หรือ Allocation Fund นั้นเองซึ่งถ้าหากดูจากเม็ดเงินลงทุนสุทธิเปรียบเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเมื่อปลายปีก่อนหน้านี้นั้น ถือว่ากองทุนประเภทดังกล่าวมีการเติบโตสูงที่สุดถึง 65.44% ตามมาด้วยสิ้นทรัพย์ประเภทตราสารหนี้หรือ Fixed Income ที่โต 27.54%
อย่างไรก็ตาม หากมองเฉพาะแต่เม็ดเงินสุทธิก็ต้องยอมรับว่ากองทุนในกลุ่ม Fixed Income นั้นยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ซึ่งกลุ่ม Foreign Investment Bond Fixed Term Short Term Bond นั้นมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิสูงสุด 2 อันดับแรกประจำปี 2559 ที่ 298,575 และ 123,211 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยมีกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ Global Allocation ตามมาในลำดับที่ 3 และแบบที่เน้นลงทุนในประเทศ Aggressive Allocation ในลำดับที่ 4 โดยมีเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิที่ 47,435 และ 43,069 ตามลำดับ
นายกิตติคุณ กล่าวอีกว่า ในทางกลับกัน ความกังวลที่มีต่อความเสี่ยงของกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ประเภท High Yield ประกอบกับผลตอบแทนที่น้อยลง และดูเหมือนจะไม่คุ้มกับความเสี่ยง ส่งผลให้ความนิยมของกองทุนในกลุ่มดังกล่าวลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจึงส่งผลให้กลุ่ม Global High Yield Bond Fix Term นั้นมีเงินไหลออกสุทธิสูงที่สุดประจำปี 2559 นี้ที่ -43,416 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม Money Market ที่ในอดีตเคยได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงเสมือนหนึ่งเป็นแหล่งพักเงินในยามที่ผู้ลงทุนเกิดความไม่มั่นใจต่อการลงทุนก็กลับไม่ได้รับความนิยมเหมือนเช่นเคยเนื่องจากระดับผลตอบแทนที่ลดลง ส่งผลให้มีเงินไหลออกกว่า -23,889 ล้านบาท