19 มกราคม 2560 : ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK ประกาศผลประกอบการปี 2559 เติบโตมากขึ้นจากปีก่อน โดยทำสถิติใหม่ทั้งในด้านความสามารถทำกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ พร้อมชูกลยุทธ์มุ่งเน้นการเป็นธนาคารหลักสำหรับลูกค้าในการทำธุรกรรม และมุ่งเดินหน้าเพิ่มความแข็งแกร่งของดิจิตอลแบงกิ้ง
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 นี้ ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่ ตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ มาใช้ธนาคารธนชาตเป็นธนาคารหลักในการทำธุรกรรม (Main Bank) ด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นช่องทางให้บริการทางการเงินที่ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แก่ลูกค้าบนพื้นฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานในระดับสากล อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าใช้ชีวิ ตได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรในเวลาเดียวกัน ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งเพื่อตอบโจทย์ช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความทันสมัยและครบครันผนวกกับบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญเป็นอย่างดี จะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าเลือกใช้ธนาคารของเราเป็นธนาคารหลักในการทำธุรกรรม
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2559 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 12,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.74% จากปีก่อน ซึ่งเป็นกำไรที่เป็นสถิติใหม่ และตอกย้ำ ความสามารถในการทำกำไรด้วยกำไรสุทธิที่เติบโตต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 8 โดยเป็นผลจากการมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารต้นทุนเงินฝากอย่างมีประสิทธิภาพและการเพิ่มฐานรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ
ขณะที่ยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ 2.29% และ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 151.16% ด้านเงินกองทุน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นมาอยู่ ที่ 19.15%”
ขณะเดียวกัน ทางด้าน นายปีเตอร์ เบสซี่ รองประธานกรรมการบริ หารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ที่มากขึ้น ธนาคารได้เปิดให้บริการโมบายแบงกิ้งผ่านช่องทางโมบายแอปพลิเคชั่น ภายใต้ชื่อ Thanachart Connect เพื่อมุ่งเน้นตอบสนองการทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้า ให้สามารถทำธุรกรรมได้ต่อติดทุกรายการ ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งธนาคารได้รับกระแสการตอบรับที่ดี
นอกจากนี้ธนาคารยังคงเดินหน้าพัฒนาดิจิตอลแบงกิ้งต่อไป ด้วยการยึดมั่นในการรักษามาตรฐานเรื่องความปลอดภัยของระบบออนไลน์แพลตฟอร์ม การพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ๆเพิ่มเติมของโมบายแอปพลิเคชั่นเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างเสร็จสรรพภายในแอพเดียว ซึ่งธนาคารตั้งเป้าหมายว่าในปี นี้จะมียอดผู้ใช้งานโมบายแอปพลิเคชั่นเติบโตแบบก้าวกระโดด