20 มกราคม 2560 : นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานในปี 2559 และบริษัทในเครือ ว่ามีผลกำไรสุทธิแข็งแกร่งสำหรับปี 2559 อยู่ที่ 21.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากปี 2558 ขณะเดียวกันสินเชื่อเติบโตสูงถึง 11.2% สูงกว่าเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อที่ 8-9%
ทั้งนี้ ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ต้นทุนการเงินที่ปรับดีขึ้นจากการบริหารต้นทุนของธนาคาร สรุปผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) และฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับปี 2559
· การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 11.2% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 145.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 และเพิ่มขึ้น 3.2% คิดเป็นจำนวน 44.9 พันล้านบาท จากสิ้นเดือนกันยายน 2559
· การเติบโตของเงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 5.9% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 62.0 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 และเพิ่มขึ้น 2.1% หรือจำนวน 22.7 พันล้านบาท จากสิ้นเดือนกันยายน 2559
· กำไรสุทธิ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากปี 2558
· ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.74%
· รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: เพิ่มขึ้น 11.7% จากปี 2558 ปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากธุรกิจบริการบัตรและรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายประกัน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ กำไรจากเงินลงทุนและรายได้จากหนี้สูญรับคืน
· อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ 47.1% ระดับเดียวกับในปี 2558
· สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 2.21% ปรับดีขึ้นจาก 2.24% ในปี 2558 นับเป็นระดับต่ำที่สุดหลังวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย
· อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 143.3%
· อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 14.2%
เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 11.2% หรือจำนวน 145.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนธันวาคม 2558 ทั้งนี้การเติบโตของเงินให้สินเชื่อในปี 2559 ปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อรายย่อยซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 15.9% จากความต้องการสินเชื่อรายย่อยที่ครอบคลุมทุกประเภท ในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และการรวมสินเชื่อของ Hattha Kaksekar Limited (HKL) จากความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ HKL โดยการซื้อหุ้นในอัตราส่วน 100% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดในเดือนกันยายน 2559 ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 8.0% และ 6.5% ตามลำดับ
เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 5.9% หรือจำนวน 62.0 พันล้านบาทจากสิ้นเดือนธันวาคม 2558 การเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากส่วนใหญ่เป็นผลจากเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และเงินรับฝากจาก HKL ทั้งนี้ สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายเงินคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ 52.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 3.74% ในปี 2559 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.21% ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 143.3%