28 ตุลาคม 2567 : คณะกรรมการนโนยายการเงิน (กนง.)ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด 0.25% เมื่อการประชุมกนง.ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายต่างโล่งอกโล่งใจแต่หลายฝ่ายต่างรอดูกันอีกรอบในการประชุม กนง.เดือนธ.ค.2567 ในวันพุธที่ 17 ธ.ค. 2568 ทำให้ต้องลุ้นกันอีกรอบ ว่ากนง.จะยังไปต่อหรือพอแค่นี้?
อย่างไรก็ตาม การที่กนง.ลดดอกเบี้ยลงรอบนี้ สถาบันการเงินต่างพาเหรดปรับลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะดอกเบี้ยในฝั่งเงินกู้ โดยธนาคารออมสิน นำร่องธนาคารแรกในการปรับลดดอกเบี้ยตามกนง. โดยนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ระบุว่า ธนาคารได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ประกอบด้วย ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) ลดลงเหลือ 6.900% ต่อปี และดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดลงเหลือ 6.745% ต่อปี
ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) ที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะครบกำหนดมาตรการในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นี้ ก็จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่อัตรา 6.595% ต่อปี และเป็นอัตราดอกเบี้ย MRR ที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ถือเป็นการปรับลดดอกเบี้ย MRR ครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ในอัตราเดิมให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ประชาชนมีรายได้จากอัตราดอกเบี้ย ภายใต้ภารกิจเพื่อสังคมในการมุ่งส่งเสริมการออม ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล
ขณะที่ธนาคารอื่นต่างประกาศลดดอกเบี้ยตามมาติดๆ โดยนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา(MLR) ลดลงเหลือ 6.250% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) ลดลงเหลือ 6.400% ต่อปี
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะครบกำหนดมาตรการในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นี้ จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน มาอยู่ที่ 6.545% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธอส. พร้อมตรึงดอกเบี้ยไว้ในอัตราเดิมให้ได้นานที่สุด เพื่อส่งเสริมการออมภาคประชาชนต่อไป
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ประกาศปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ สูงสุด 0.25% มีผล 1พ.ย.67 นี้ ประกอบด้วย
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลดลง 0.10% ต่อปี จาก 6.975% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.875% ต่อปี และกรณีลูกค้าเกษตรกรกลุ่มเปราะบางและ SMEs ที่ประสบปัญหาในการผลิตจนทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง รวมถึงลูกหนี้ NPLs ที่อยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างหนี้
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ปรับลดลง 0.25% ต่อปี จาก 6.975% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.725% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาออกไปอีกเป็นเวลา 5 เดือน ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 จนถึง 31 มีนาคม 2568 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) ลดลง 0.25% ต่อปี จาก 7.125% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.875% ต่อปี ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส. พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทออกไปให้นานที่สุด
ธนาคารพาณิชย์ นำร่องลดดอกเบี้ยโดยพร้อมเพรียง
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลด 0.12% จาก 7.27% เป็น 7.15% อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.25% จาก 7.59% เป็น 7.34% อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลด 0.12% จาก 7.30% เป็น 7.18% ในขณะที่ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังไม่มีการปรับลดแต่อย่างใด โดยให้มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
ด้าน นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการภาคธุรกิจ โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.575% เป็น 7.325% ต่อปี
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.30% เป็น 7.175% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.05% เป็น 6.925% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2567 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ธนาคารได้ออกมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและSMEรายย่อย จึงพิจารณาขยายมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวออกไปจนถึง 31 ธันวาคม 2567
ขณะเดียวกัน นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก โดยอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อปรับลดลงสูงสุด 0.20% สำหรับเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ / MLR (Minimum Loan Rate) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา ลดลง 0.20% เป็น 6.90% ต่อปี
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเอ็มโออาร์ / MOR (Minimum Overdraft Rate) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) ลดลง 0.20% เป็น 7.35% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ / MRR (Minimum Retail Rate) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดีปรับลดลง 0.05% เป็น 7.00% ต่อปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ธนาคารกรุงเทพก็ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ไปแล้ว 0.25% ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ
ในส่วนเงินฝากลูกค้าบุคคลธรรมดา อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสะสมทรัพย์ เป็น 0.25 – 0.30% ต่อปี เงินฝากประจำ 3 เดือน เป็น 1.00% ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือน เป็น 1.10% ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน เป็น 1.45% ต่อปี เงินฝากประจำ 24 เดือน เป็น 1.70% ต่อปี และเงินฝากประจำ 36 เดือน เป็น 1.75% ต่อปี ส่วนเงินฝากสะสมทรัพย์ e-Saving วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท 1.50% ต่อปี และวงเงินส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท 0.45% ต่อปี
ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR และ MRR ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยใหม่เป็นดังนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate หรือ MLR) ปรับลดลงจาก 7.280% เป็น 7.155% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate หรือ MOR) ปรับลดลงจาก 7.575% เป็น 7.325% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate หรือ MRR) ปรับลดลงจาก 7.400% เป็น 7.275%
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความห่วงใยและมุ่งมั่นช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยใหม่ดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลง จากปัจจุบัน 7.520% ต่อปี เป็น 7.270% ต่อปี อัตราดอกเบี้ย สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR)ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.050% ต่อปี เป็น 6.925% ต่อปีอัตราดอกเบี้ย สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR)ปรับลดลง จากปัจจุบัน 7.570% ต่อปี เป็น 7.445% ต่อปี โดยให้มีผลใน วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.25% ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ย MLR และอัตราดอกเบี้ย MRR ลดลง 0.125% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
สำหรับด้านเงินฝาก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเงินออมที่กังวลว่าดอกเบี้ยเงินฝากจะทยอยปรับลดลง ทางทีทีบีมีบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ อัพ แอนด์ อัพ 24 เดือน ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเงินฝากทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะให้ดอกเบี้ยสูงตั้งแต่ 6 เดือนแรก เริ่มต้นที่ 1.5% ต่อปี และรับดอกเบี้ยสูงขึ้นทุกๆ 6 เดือน โดยรับดอกเบี้ยสูงสุด 2.0% ต่อปี และยังสามารถถอนก่อนครบกำหนดได้หากมีความจำเป็นในการใช้เงิน จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่ฝากระยะสั้นก็จะได้รับดอกเบี้ยสูง และหากฝากต่อเนื่องก็จะเป็นการล็อกเรทอัตราดอกเบี้ยที่ดีในระยะยาว