กรุงเทพฯ, 19 พฤษภาคม 2568 : นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2568 ยังคงเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะไทยซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านการลงทุนจากต่างประเทศและปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของตลาดโลก และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยอดสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกของปีเติบโตตามเป้าการเติบโตด้านสินเชื่อที่ 5-7% ที่ตั้งไว้
"ธนาคารกรุงศรี มองว่าเป็นปีที่มีความท้าทายต่อเนื่องจากปีที่แล้วจนถึงปีนี้ ทั้งในเรื่องปัจจัยภายนอกและความขัดแย้งในระดับประเทศ และภายในประเทศมาสู่การค้าระหว่างประเทศ ซึ่งสิ่งที่เราสามารถจะช่วยลูกค้าได้ในช่วงที่ลูกค้าหลายๆ รายเจอกับความท้าทายอยู่ โดยกรุงศรีมองว่ามีโอกาสในช่วงที่มีความท้าทายในหลายรูปแบบ แต่เราก็ยังเห็นการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางกรุงศรีก็พยายามสนับสนุนการเข้ามาลงทุนในประเทศให้เต็มที่ และยังสนับสนุนทางบริษัทไทยที่อยากจะไปลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยพิจารณาเรื่อง การเงินเพื่อความยั่งยืน Sustainable Finance and Capacity Building ควบคู่ไปด้วย เพื่อประเทศไทยสามารถลดเรื่อง คาร์บอนเอดิชั่น และก้าวผ่านเรื่อง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ได้
อย่างไรก็ดี มีหลายๆ อุตสาหกรรมที่เราเห็นศักยภาพที่ดี มีการลงทุนมากขึ้นของลูกค้าจากทั้งในและต่างประเทศ เราเห็นทิศทางการควบรวมกิจการ และโอกาศของการลงทุน รวมถึง แฮลท์แคร์ ก็เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และหากเราสามารถเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ( Medical Hub )ได้ตามนโยบายของรัฐบาลก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี เรื่องนิคมอุตสาหกรรมที่รองรับการลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ก็เป็นจุดเด่นของประเทศไทยที่เราน่าจะสามารถขยับขยายและนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจจะประสบปัญหาระยะสั้นบ้าง เรื่องกฏเกณฑ์เงื่อนไขด้านภาษีจากนโยบาย "ทรัมป์" รวมถึงปัจจัยต่างๆ ด้านตลาดหุ้นก็ตาม แต่ในระยะยาวเราน่าจะสามารถ ใช้จุดแข็งเหล่านี้ออกมาช่วยพัฒนาประเทศได้ ซึ่งกรุงศรีเองก็ร่วมกับ MUFG โดยใช้เครือข่าย MUFG ในต่างประเทศ ใช้ความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยทำให้บริษัทไทย มีความสามารถแข่งขันในด้านต่างๆ มากขึ้นและเป็นที่น่าสนใจของการลงทุนต่างประเทศได้ดีขึ้น
หากพิจารณาถึงธุรกิจขนาดใหญ่น่าจะมีมาตรการป้องกันในการบริหารจัดการอยู่พอสมควรแล้ว ธนาคารจึงมีมาตรการช่วยบริษัทขนาดกลางขนาดเล็ก โดยเฉพาะในช่วงมาตรการด้านภาษี "ทรัมป์ " แต่ถ้าหากช่วงการเจรจานี้จบออกมาค่อนข้างแรง มาตรการช่วยเหลือก็อาจจะครอบคลุมไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ด้วย โดยจะต้องพิจารณาเป็นเซ็กเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ ถึงกระนั้น รัฐบาลจะต้องพิจารณาด้วยว่าสามารถมีนโยบายอะไรออกมาช่วยทั้งระยะสั้นและระยะยาวกับอุตสาหกรรมเหล่านี้ในการเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากคิดว่ามาตรการภาษี "ทรัมป์" อาจจะนำมาสู่การค้าในบริบทใหม่ ซึ่งเราต้องเตรียมพร้อมรับมือและทุกๆ ภาคส่วนต้องช่วยกัน" นายประกอบ กล่าว
ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจปี 2568 ตั้งอยู่บนแนวคิด ‘Crafting Collaboration, Moving Beyond Solutions’ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการคิดและทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ พร้อมทั้งให้คำแนะนำและร่วมมือกันพัฒนา กลยุทธ์และแนวทางเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ทางธุรกิจสำหรับลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ
โดยไม่เพียงมุ่งเน้นการตอบสนองต่อความต้องการในระยะสั้น แต่ยังคงให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว พร้อมทั้งออกแบบแนวทางการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจ ผ่านการดำเนินงานใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1. Sustainable Finance and Capacity Building – เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าในมิติของ ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อสร้างโอกาสทางการเงินใหม่ๆ รองรับการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจและสังคมในระยะยาว
2. Quality Growth – ผลักดันการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีคุณภาพ ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งในความต้องการของลูกค้าแต่ละราย พร้อมสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
3. Investment Banking Solution – เสริมแกร่งโซลูชันการเงินเพื่อธุรกิจแบบครบวงจรผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายระดับโลกของ MUFG เครือข่ายธนาคารพันธมิตรในภูมิภาคอาเซียน และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (Krungsri Securities) เพื่อให้คำปรึกษาทางด้านการเงินที่เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงการให้บริการที่ปรึกษาสำหรับการซื้อขายและควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions หรือ M&A) การเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนผ่านตลาดตราสารทุน (Equity Capital Markets) และการเป็นผู้สนับสนุนการขาย (Selling Agent) หน่วยลงทุน
4. Leverage MUFG & Global Network – ยกระดับการให้บริการและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่ก้าวไกลยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ด้วยความร่วมมือกับทุกหน่วยงานของกรุงศรี กรุ๊ป เครือข่ายของ MUFG และเครือข่ายระดับโลก เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ
ในปีนี้ กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ฯ ได้ต้อนรับหน่วยงานที่ดูแลกลุ่มลูกค้าบรรษัทข้ามชาติ หรือ Multinational Corporation (MNC) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมธุรกิจ ซึ่งพร้อมจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งร่วมกับบรรษัทข้ามชาติในภูมิภาค East Asian โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก เช่น จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่แสดงให้เห็นสัญญาณที่ดีในการขยายการลงทุนและดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยกรุงศรีและ MUFG พร้อมผนึกกำลังเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์สูงสุด
“ภายใต้บริบทความท้าทายและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น กรุงศรีพร้อมจะเดินหน้าเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจ เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าอย่างเต็มที่ในการปรับตัวและสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และผลักดันเศรษฐกิจไทยก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน” นายประกอบ กล่าว
อย่างไรก็ดี ปีที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน แต่กรุงศรียังคงให้การสนับสนุนกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ให้เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการให้บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ โดยเฉพาะในด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยกรุงศรีมีผลงานโดดเด่นและเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนให้กับทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น การออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond หรือ SLB) ของกระทรวงการคลังครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกในเอเชีย และเป็นประเทศที่สามของโลก ต่อจากประเทศชิลีและอุรุกวัย พันธบัตรเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) ครั้งแรกของประเทศไทย หุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนครั้งแรกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม รวมถึงให้การสนับสนุนสินเชื่อหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน นิคมอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐานและโทรคมนาคม ธุรกิจโรงพยาบาล และอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งสินเชื่อในหลายๆ อุตสาหกรรมข้างต้นเป็นสินเชื่อเพื่อสนับสนุนความยั่งยืน
นอกจากนั้นกรุงศรียังเป็นที่ปรึกษาและมีส่วนรวมใน 3 ธุรกรรมที่สำคัญ ได้แก่ (1) การเป็นที่ปรึกษาสำหรับการซื้อขายและควบรวมกิจการ (Exclusive M&A advisor) ในธุรกรรมการควบรวมกิจการพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2567 โดยเป็นการจำหน่ายหุ้น 90% ในกลุ่มธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดรวม 139.4 เมกะวัตต์ มูลค่ารวม 4,828 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างกรุงศรีและ MUFG
(2) การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว (Sole Financial Advisor) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (Krungsri Securities) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Sole Lead Underwriter) ในการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่หนึ่ง และ (3) การเป็นผู้สนับสนุนการขาย (Selling Agent) หน่วยลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคารทั่วประเทศไทย และแอปพลิเคชัน krungsri app ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่ลูกค้าทุกกลุ่มมีต่อเรา