WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม 2568 ติดต่อเรา
กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ คาด GDP ปี 68 ที่ 1.5-2.1% ท่ามกลางพายุทางการเมืองถาโถมและผันผวน


1 กรกฎาคม 2568 : นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนายการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญลงคะแนน 7 ต่อ 2 เสียง มีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราว จากกรณีคลิปเสียง ระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรี กัมพูชา โดยมองว่า ก่อนจะมีข่าวค่าเงินบาทอ่อนค่าประมาณ 10-15 สตางค์ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะส่งผลกระทบในระดับหนึ่ง จึงต้องพยายามย่อยข่าวมองไปข้างหน้าถึงเสถียรภาพของรัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากการเมืองเดินไปถึงการยุบสภาก็ถือเป็นกรณีที่เล้วร้ายที่สุด เพราะว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม ซึ่งก็ต้องพิจารณาถึงการสานต่อนโยบายกับทางสหรัฐฯ ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจในปีนี้ ธนาคารยังคาดการณ์ GDP ปี 2568 ที่ประมาณ 1.5-2.1% ซึ่งประเมินสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดการส่งออกที่เติบโต 0%

ด้านอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะกลับมาผันผวนสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และผลต่อต้นทุนพลังงาน โดยประเมินว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเล็กน้อยในไตรมาส 4/68 ในกรอบกว้างที่ 31.75-34.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ บนสมมติฐานสำคัญที่สหรัฐฯอาจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ และปัจจัยลบของเงินดอลลาร์ในตลาดโลกยังคงดำเนินต่อไป

"สกุลเงินของเศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่พึ่งพาการส่งออกสูง รวมถึงเงินบาท อาจอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเช่น เงินเยน และเงินยูโร ขณะที่การค้าโลกเข้าสู่ภาวะซบเซา คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปีจากระดับ 1.75% ในปัจจุบัน เพื่อประคองเศรษฐกิจซึ่งเผชิญหลากหลายความเสี่ยงด้านขาลง ดังนั้น แนะนำทางด้านผู้ประกอบการควรป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งบาทอ่อนเนื่องจากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น 10% ต่อวัน ดังนั้น ทั้งผู้นำเข้าและส่งออกก็อยากให้ล็อคค่าเงินไว้บางส่วนให้นิ่ง เนื่องจากกระแสข่าวจากทางด้านสหรัฐฯ มีความผันผวนมาก จึงส่งผลต่อผู้ประกอบการโดยตรงแต่ถึงอย่างไรก็ อยากแนะนำไม่ให้เปิดการส่งออก 100% " นางสาวรุ่ง กล่าว

นายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า หากพิจารณาสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน เราจะพบว่ามีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบและเป็นความท้าทายต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ จะยังคงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนลูกค้าและผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายดังกล่าวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยเช่นกัน

ในปี 2568 กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ มุ่งสร้างการเติบโตของธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนด 4 กลยุทธ์หลักซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ คือ การสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG การส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่ การขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล และ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยในไตรมาส 1/2568 ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเติบโตมากกว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการส่งออกและนำเข้าในไตรมาสแรกของปีนี้ มีกำไรจากธุรกรรมเพื่อการค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ 16% และคาดว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย 4 กลยุทธ์หลักนี้

กลยุทธ์หลักในการดำเนินงานของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ในปี 2568 ประกอบด้วย

1.การสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG: นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG เพิ่มขึ้น อาทิ ธุรกรรมอนุพันธ์ด้านอัตราดอกเบี้ยที่อ้างอิงกับ ESG (ESG-linked Interest Rate Derivatives) และผลิตภัณฑ์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่อ้างอิงกับ ESG (ESG-linked FX) ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณซื้อขายผลิตภัณฑ์ ESG-linked FX อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแนวโน้มจะมีปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากลูกค้ามีความสนใจเพิ่มขึ้น

2.การส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่: เพิ่มความสามารถของสกุลเงินเกิดใหม่ (Emerging Currency) โดยในปีที่ผ่านมา กรุงศรีสามารถขยายขีดความสามารถเพื่อรองรับธุรกรรมสกุลเงินเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (AED) และธุรกรรมปริวรรตเงินตราต่างประเทศให้ครอบคลุมเงินสกุลเปโซเม็กซิโก (MXN) เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแก่ลูกค้าที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือ โดยในปี 2567 ธนาคารมีปริมาณธุรกรรมในการใช้ธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่เพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 

"ธนาคารเตรียมเปิดช่องทางการให้บริการในสกุลเงินใหม่ไว้รองรับก่อนล่วงหน้า ซึ่งมองว่าเป็นลูกค้าในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมอิเลคโทรนิค เบื้องต้นมีการซื้อขายประมาณ 200 ล้านเหรียญ/วันเท่านั้นยังไม่มากนัก แต่การดำเนินการอยู่ภายใต้สัญญาของแบงก์ชาติ สัญญาระหว่างธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ACC หรือ "Additional Collateral Claim" สัญญาที่ใช้เป็นหลักประกันเพิ่มเติมในการขอสินเชื่อกับธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ทำสัญญาไว้กับ ประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ขณะที่ประเทศอินเดียยังไม่ได้ทำสัญญากันไว้ แต่ลูกค้ามีความต้องการซื้อขายร่วมกันเพิ่มมากขึ้น" นายฮิโรทากะ คุโรกิ กล่าวเสริม

3.การขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล: พัฒนาทั้งในแง่เทคโนโลยี และความสามารถในการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่องให้มีความหลากหลาย สะดวก รวดเร็ว และสอดคล้องกับความต้องการ โดยในปี 2567 มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 138% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและในไตรมาส 1/2568 มีจำนวนธุรกรรม FX ที่ทำผ่านแพลตฟอร์ม FX@Krungsri สูงถึง 26% ของธุรกรรม FX ที่สามารถซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ แต่ต้องยอมรับว่ายังมีลูกค้าอีกส่วนหนึ่งที่ชอบการบริการแบบดั้งเดิมหรือบริการผ่านโทรศัพท์ เพื่อรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม

4.การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่แก่ลูกค้า: มุ่งขยายขีดความสามารถในการให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ ไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปริวรรตเงินตราต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น ในปี 2567 กรุงศรีได้ออกผลิตภัณฑ์สัญญาซื้อขายตราสารหนี้ล่วงหน้า (Bond Forward) ที่ลูกค้าและนักลงทุนสามารถใช้ในการลดความเสี่ยงด้านตลาดและด้านสภาพคล่องในการกำหนดราคาซื้อขายพันธบัตร ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าเริ่มทำธุรกรรมแล้ว 

 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP