24 กรกฎาคม 2568 : นายศรายุทธ ทินกร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.68) สำหรับช่องทางตัวแทนมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นเบี้ยประกันรับประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตลอดทั้งปีคาดว่าจะมีเบี้ยประกันรับปีแรกช่องทางตัวแทนประมาณ 5,000 ล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันสุขภาพเติบโตประมาณ 25% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เอาประกัน รวมถึงแบบประกันโรคร้ายแรงร่วมด้วยซึ่งเป็นแบบประกันที่ทุกคนควรจะมีไว้คุ้มครอง

ดังนั้น เป้าหมายช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ก็ยังเน้นให้บริการแบบประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ ดีเฮลท์พลัส และซีไอ เพอร์เฟคแคร์ ดีแคร์ สัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรงสุขภาพ รวมถึงยังมุ่งเน้นตามนโยบายของบริษัทฯ คือให้บริการแบบประกันเฟล็กซี่ โพรเทคชั่น 99/20 ตัวใหม่ที่เพิ่งออกมาจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ 500,000 บาท สามารถลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท ขณะเดียวกันก็มีแบบประกัน ชิล ไลฟ์ Shieldlife เป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองระยะยาวไปจนถึงอายุครบ 90 - 99 ปี ตัวช่วยให้คุณเบาใจในวันที่จากไป หรือแบบประกันมรดกโปรเทคชั่น 99/1 และอีกทางเลือกสำหรับผู้เอาประกันภัยที่มุ่งเน้นทั้งความคุ้มครองและการลงทุน ได้แก่ ประกันชีวิตผสมกองทุน Investment-linked และยูนิต ลิงค์ เป็นต้น
"จากกรณีที่ค่าเมดิเคล อินเฟชั่น ( Medical Inflation) หรือภาวะเงินเฟ้อทางการแพทย์ เป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของบริการทางการแพทย์ ซึ่งส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันสุขภาพมีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วยเมื่อพิจารณาจากตัวเลขของทางประเทศสิงคโปร์ Medical Inflation มีประมาณ 12% ขณะที่ประเทศไทยสูงถึง 14% ดังนั้น บริษัทฯ จึงพยายามให้ตัวแทนเชิญชวนให้ผู้เอาประกันภัยดูแลตนเอง ออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ภายใต้โครงการ MTL FIT ผลจาการออกกำลังกายในโครงการนั้น ยังสามารถนำมาลดเบี้ยประกันภัยในปีถัดไปได้อีกด้วย"
นายศรายุทธ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ พยายามจะสรรหาตัวแทนใหม่เข้ามาฝึกอบรมให้เป็นตัวแทนมืออาชีพที่มีคุณภาพ เพื่อมุ่งเน้นให้ตัวแทนมีความรอบรู้ครบวงจร ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่ม ซึ่งก็เป็นผลดีต่อการประกอบอาชีพตัวแทนที่มุ่งมั่นของทุกๆ คน ปัจจุบัน 6 เดือนที่ผ่านมา มีตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 1,800 คน และมีตัวแทนรวมทั้งหมดประมาณ 14,000 คน โดยแบ่งเป็นตัวแทนแอ็คทีฟ 35% หรือประมาณ 4,000 คน บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนแอ็คทีฟ 40% พร้อมกับตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนตัวแทนให้ถึง 16,000 คนภายในปีนี้
"อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ในมุมประกันก็ยังต้องมีความคุ้มครองด้านสุขภาพและโรคร้ายแรง ซึ่งแบบประกันทั้งสองตัวนี้นับว่าเป็นความสำคัญที่มาช่วยเติมเต็มการรักษาพยาบาลที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากภาครัฐ ซึ่งตนเชื่อว่าตลาดยังสามารถขยายไปได้อีกมาก เพราะหากวัดจากจำนวนประชากร 1 ล้านคน มีคนทำประกันโรคร้ายแรงไม่ถึง 50% ดังนั้นถ้าลูกค้าคนไหนทำประกันแบบธรรดาไว้แล้ว ตัวแทนสามารถกลับไปให้คำแนะนำในการขายประกันโรคร้ายแรงเพิ่มขึ้นได้อีก แบบประกันดีแคร์ และดีเฮทส์ พลัส +แคร์พลัส มีความคุ้มครองกรณีล้างไต และกระบวนการรักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง หรือ targeted therapy ถือว่าเป็นการรักษาที่ตรงจุดและมีความสำคัญ" นายศรายุทธกล่าวสรุป 












