19 กุมภาพันธ์ 2560 : หากจะกล่าวถึงประเทศไทยในช่วงนี้ ต่างก็คงพูดถึงไทยแลนด์ 4.0 กันทั่วบ้านทั่วเมือง หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและทีมบริหารเศรษฐกิจของประเทศออกมาย้ำเช้าย้ำเย็นว่า เราต้องไปให้ได้ 4.0 นะ จะอยู่แค่ 4 เฉยๆ เหมืนเช่นที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว ไทยแลนด์ 4.0 คืออะไร??
ไทยแลนด์ 4.0 คืออะไร? “ไทยแลนด์ 4.0” เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย หรือ โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เข้ามาบริหารประเทศบนวิสัยทัศน์ที่ ว่า “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ที่มีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ เพื่อปรับแก้ จัดระบบ ปรับทิศทาง และสร้างหนทางพัฒนาประเทศให้เจริญ สามารถรับมือกับโอกาสและภัยคุกคามแบบใหม่ๆที่เปลี่ยนแปลงอย่างเร็ว รุนแรงในศตวรรษที่ 21 ได้
เพื่อให้เข้าใจ “ประเทศไทย 4.0” ขอไล่เรียงเพื่อให้เห็นภาพ คือ ประเทศไทยในอดีตที่ผ่านมามีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ยุคแรก ขอเรียกว่า “ประเทศไทย 1.0” เน้นการเกษตรเป็นหลัก เช่น ผลิตและขาย พืชไร่ พืชสวน หมู หมา กา ไก่ เป็นต้น ยุคสอง ขอเรียกว่า “ประเทศไทย 2.0” เน้นอุตสาหกรรมแต่เป็นอุตสาหกรรมเบา เช่น การผลิตและขายรองเท้า เครื่องหนัง เครื่องดื่ม เครื่องประดับ เครื่องเขียน กระเป๋า เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น และปัจจุบัน (2559) จัดอยู่ในยุคที่สาม ขอเรียกว่า ”ประเทศไทย 3.0” เป็นอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก เช่น การผลิตและขาย ส่งออกเหล็กกล้า รถยนต์ กลั่นนำมัน แยกก๊าซธรรมชาติ ปูนซีเมนต์ เป็นต้น แต่ ไทยในยุค 1.0 2.0 และ 3.0 รายได้ประเทศยังอยู่ในระดับปานกลาง

อยู่อย่างนี้ไม่ได้ ต้องรีบพัฒนาเศรษฐกิจสร้างประเทศ จึงเป็นเหตุให้นำไปสู่ยุคที่สี ให้รหัสใหม่ว่า ”ประเทศไทย 4.0” ให้เป็นเศรษฐกิจใหม่ (New Engines of Growth) มีรายได้สูง โดยวางเป้าหมายให้เกิดภายใน 5-6 ปีนี้ คล้าย ๆ กับการวางภาพอนาคตทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนของประเทศที่พัฒนา เช่น สหรัฐอเมริกา “ A Nation of Makers ” อังกฤษ “ Design of Innovation” อินเดีย “ Made in India” หรือ ประเทศเกาหลีใต้ที่วางโมเดลเศรษฐกิจในชื่อ “ Creative Economy”
คราวนี้หลายคนคงเข้าใจไทยแลนด์ 4.0 มาบ้าง คราวนี้เราหันมาดูหุ้นไทยกันบ้าง ในเมื่อไทยจะไป 4.0 แล้วลงทุนอย่างไรให้ได้กำไรในระยะยาว สองสามอาทิตย์ก่อนได้อ่านบทความด้านการลงทุนของ FINNOMENA ซึ่งเป็นกูรูทางการเงินที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนให้กับนักลงทุนหน้าใหม่และหน้าเก่า รอบนี้ FINNOMENA พูดถึง “หุ้นโตเร็ว สิบเท่าในสิบปี” อย่างสนใจไม่น้อยสำหรับนักลงทุนระยะยาว
FINNOMENA ระบุถึงเทคนิคในการหาหุ้นดังกล่าวว่า ในฐานะนักลงทุนหุ้นโตเร็ว หรือ Growth Investor การเฝ้ามองหาหุ้นโตเร็ว เป็นเรื่องที่ถือว่าสำคัญที่สุดในชีวิตของนักลงทุนหุ้นโตเร็ว แต่หุ้นโตเร็วไม่ได้หาเจอง่ายๆ ที่จริงมันก็ไม่ยากนัก เพียงแต่เราจะเจอได้อย่างไร ต้องลงทุน ณ.จุดไหน และจะอดทนรอความสำเร็จได้นานเพียงใด โดยแนวคิดของการลงทุนในหุ้นโตเร็วนั้นเราต้องมองเห็นทั้งด้านสำเร็จ และด้านที่ไม่สำเร็จ เพื่อปกป้องความเสี่ยงไปพร้อมกัน
หุ้นโตเร็ว สิบเท่าในสิบปี ในอดีตที่ผ่านมามีให้เห็นมากมาย ได้แก่ cpall mint bdms centel hmpro และยังมีอีกหลายตัว นั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าหุ้นโตเร็วที่สร้างผลตอบแทนยอดเยี่ยมมีอยู่จริง แต่คำถามก็คือ ในอนาคตยังจะมีหุ้นเหล่านี้เหลืออยู่หรือเปล่า?
อยากเล่นหุ้นโตเร็วเริ่มต้นยังไงดี สำหรับคนที่อยากเล่นหุ้นโตเร็ว คุณสมบัติที่ต้องมีก็คือ “การเป็นนักสังเกต” เราต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น พฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภคที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพความเจริญของสังคม หรือ เรียกว่า ต้องรู้ “เมกะเทรนด์” นั่นเอง โดยเมกะเทรนด์ที่หลายคนพูดถึงเราก็ต้องเอามาแปลงเป็นหุ้น ผมขอยกตัวอย่างเมกะเทรนด์ที่น่าสนใจต่อไปนี้ให้พิจารณา
ธุรกิจค้าปลีก
ทำไมจึงเลือกธุรกิจค้าปลีก เพราะคนเราต้องกินต้องใช้ และการซื้อของกินของใช้ในปัจจุบัน ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการนั้นปัจจุบันคนทั่วไปใช้บริการค้าปลีกปีละกว่า 4-5 แสนล้านบาท ตัวเลยนี้ถือว่าเป็น traffic มหาศาลที่มากพอที่จะทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้มั่นคงในระยะยาว

ธุรกิจโรงพยาบาล
อย่างที่เรารู้กันดีว่าสังคมไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ และสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากก็คือ ความเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อเราเจ็บป่วยก็ต้องเข้าโรงพยาบาล ในปัจจุบันธุรกิจโรงพยาบาลเติบโตเร็วมาก การเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มนี้แบบทยอยสะสมถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี
ธุรกิจขนคน หรือกิจการรถไฟฟ้า
สำหรับธุรกิจขนคนที่ผมอยากแนะนำก็คือ กิจการรถไฟฟ้าที่กำลังเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจ และจะมีบทบาทกับชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ อนาคตรถไฟฟ้าจะต่อกันหลายสาย อำนวยความสะดวกให้กับผู้คนมากขึ้น จะมีร้านค้าไปตั้ง มีป้ายโฆษณาให้เช่า แถมคอนโดมิเนียมจะผุดขึ้นแข่งกันใกล้สถานีรถไฟฟ้า ทำให้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ภาพในอดีตที่ถนนหนทางจะเป็นตัวกำหนดที่อยู่อาศัย จะถูกเปลี่ยนเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่จะกลายเป็นตัวกำหนดพื้นที่อยู่อาศัยของผู้คนในเมืองแทน
ธุรกิจสื่อสาร
สำหรับธุรกิจสื่อสารแม้การแข่งขันจะสูงขึ้นมาก แต่โอกาสที่จะเติบโตก็ยังมีอยู่มาก เราคงเคยได้ยินคำว่า Internet of thing หรือถ้าแปลเป็นไทยแบบง่ายๆ ก็คือ “สิ่งของคุยกัน” สำหรับคนคุยกันนั้นคงจะอิ่มเต็มที่แล้วในประเทศไทย แต่การที่สิ่งของจะคุยกันเพิ่งเริ่มต้น และยุคข้อมูลข่าวสาร การติดต่อสื่อสารจะแผ่ขยายเพิ่มขึ้นอีกมากมาย การลงทุนในหุ้นสื่อสารดีๆ มีอนาคตซักตัวถือเป็นเรื่องน่าสนใจ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
แนวโน้มของคนเราชอบอยู่อาศัยในที่สะดวกสบาย เดินทางสะดวกด้วยระบบราง ใกล้แหล่งพักผ่อน ใกล้ที่ทำงาน ใกล้แหล่งอาหาร สำหรับสิ่งที่ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยในยุคคนเมืองคนหนีไม่พ้นคอนโดมิเนียม การเติบโตของห้องชุดในเขตเมืองนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และแน่นอนที่สุดว่าหุ้นที่เกี่ยวกับการก่อสร้างคอนโดมิเนียมก็เติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมทำเลดีติดสถานีรถไฟฟ้าจะเป็นเทรนด์ใหม่มาแรง ดังนั้นถ้าเรามีเงินกระจายสู่ธุรกิจ ซื้อหุ้นประเภทนี้คงจะดีไม่น้อยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเมกะเทรนด์ที่ยกตัวอย่างมานั้น บางเทรนด์เข้าสู่ระยะกลาง บางเทรนด์ยังเพิ่มเริ่มต้น และมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกในอนาคต หน้าที่ของนักลงทุนต้องคอยติดตามเทรนด์เหล่านี้ให้ดี และเลือกลงทุนไปกันเทรนด์ที่เรามั่นใจ เพราะการลงทุนหุ้นโตเร็วบางครั้งเราก็ต้องลงทุนระยะยาว เหมือนหัวข้อของเรา คือ หาหุ้นสิบเด้งในสิบปี ในระยะแรกๆ มันจะช้า แต่พอมันเริ่มเติบโต เริ่มเห็นความสำเร็จ มันจะมาเร็วมาก ผมรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
สำหรับคนที่อยากลงทุนหุ้นโตเร็ว เราควรเริ่มต้นจากภายใน หรือเริ่มที่ตัวเรา สำรวจตัวเราว่าเรามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นนักลงทุนหุ้นโตเร็วได้จริงหรือเปล่า คุณสมบัติคร่าวๆ ที่ควรมีก็คือ การเป็นนักอ่าน อ่านทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราสนใจ และนำไปประยุกต์ใช้หาหุ้น นอกจากจะเป็นนักอ่านแล้ว ควรเป็นนักสังเกต ดูพฤติกรรมของคนในสังคมเพื่อมองหาเทรนด์ในระยะยาว และสุดท้ายต้องมีความอดทน เพราะถ้าเราไม่อดทนมากพอเราจะขายหุ้นไปก่อนเวลาอันควร ทำให้พลาดโอกาสใหญ่
การซื้อหุ้นแล้วต้องถือไว้นานๆ ความรู้สึกของผมก็เหมือนกับเรา “ติดเกาะ” แต่ในเกาะก็มีอาหารให้เราพออยู่พอกิน แต่เมื่อเกาะมันเริ่มเจริญขึ้น มันก็จะอุดมสมบูรณ์ไปเอง นั่นอาจใช้เวลานาน 5-10 ปีขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจนั้นๆ ด้วยครับ เริ่มสำรวจตัวเอง ลงทุนอย่างที่เราถนัด คนเรามีความถนัดต่างกัน หามันให้เจอ และทำมันให้ดีที่สุด…![]()












