WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม 2568 ติดต่อเรา
ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ผันผวนและเงินไหลออกจากหุ้นไทยช่วงสั้น!!

6 มีนาคม 2560 : ดร.วิน ชี้ ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น จับตา Fed อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วในเดือน มี.ค. กดดันตลาดผันผวนและเงินไหลออกจากหุ้นไทยช่วงสั้น คาดดัชนีเคลื่อนไหว 1,530-1,550 ในระยะสั้นๆนี้ แนะนักลงทุนขายทำไรในหุ้น และเพิ่มสัดส่วนเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ดอกเบี้ย

123

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST เปิดเผยว่าหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แถลงนโยบายต่อสภาไปเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยจะเดินหน้าลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯตามที่หาเสียงไว้ คือ การลงทุนด้านสาธารณูปโภคในวงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญฯ และแผนการปฎิรูปด้านภาษีทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว จึงสะท้อนออกมาเป็นบวกตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยค่าเงินดอลล่าร์และ Dow Jones Futures ปรับตัวสูงขึ้น เป็นการตอบรับในทางที่ดีของนักลงทุน ดังนั้น จึงเกิดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ว่าจะขยายตัวและอาจจะเป็นผลทำให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค. นี้ ซึ่งค่าความน่าจะเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เดือน มี.ค. ปรับขึ้นจาก 52% เป็น 80% หลังการแถลงนโยบาย

ทั้งนี้ บล.KTBST ประเมินว่า หาก Fed มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fund Flow) ออกจากตลาดเกิดใหม่และรวมทั้งหุ้นไทยเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นโดยรวมแต่มองว่าผลกระทบไม่มาก ควรเพิ่มสัดส่วนเงินสดเพื่อรอซื้อหุ้นเมื่อดัชนีปรับตัวต่ำกว่า 1,550 จุด โดยหุ้นที่มีความเสี่ยงมากได้แก่หุ้นที่ต่างชาติมีการซื้อ (Net Buy Position) จำนวนมากในช่วงก่อนหน้านี้ จากการที่ได้รวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2016 ถึงปัจจุบัน

Dr. Win Udomrachtavanic 1

ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่เริ่มมีเม็ดเงินจากต่างชาติจำนวนมาก พบว่าหุ้น 5 อันดับที่มีมูลค่าซื้อสูงที่สุด ได้แก่ KBANK, PTT, PTTGC, SCB และ AOT จึงมองว่าหุ้นทั้ง 5 บริษัทที่กล่าวมาจะมีความเสี่ยงที่จะถูกต่างชาติเทขายมากที่สุด นอกจากนี้หุ้นที่มีความเสี่ยงอีกกลุ่มได้แก่ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่มีมูลค่าการซื้อ (Net Buy Position) ใน 30 อันดับแรกและมี P/E สูงสุด 5 อันดับ ซึ่งได้แก่ TRUE, MTLS, BEM, BDMS, BH

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มส่งออกยังได้แรงหนุนจากบาทอ่อนและเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวขึ้น หากเฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยค่าเงินดอลล่าร์มีแนวโน้มแข็งค่าและเงินบาทอ่อนค่าลง อีกทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ ทั้งการปรับลดภาษีนิติบุคคลและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกมีบรรยากาศที่ดีขึ้น ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้จะช่วยส่งผลบวกอย่างมากต่อหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่กลุ่มธนาคารจะได้บวกจากดอกเบี้ยขึ้น แต่ราคาหุ้นอาจไปมีผลกับเงินทุนไหลออก โดย KTBST มองว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ไปอีกระยะหนึ่งซึ่งจะไม่ส่งผลบวกต่อกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้กลุ่มธนาคารที่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นสูงและด้วยมุมมองที่ว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวลงจากเงินไหลออก เราจึงคาดว่าราคาหุ้นกลุ่มนี้จะทรงตัวหรือบวกได้เล็กน้อยเท่านั้นโดยมีแรงหนุนแค่การปรับตัวขึ้นของราคาพันธบัตร

“ในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนการประชุม Fed ตลาดจะผันผวนมากกว่าปกติและยังมีตัวแปรอื่นอีกเช่น ราคาน้ำมัน แนวโน้มผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสและนโยบายเศรษฐกิจใหม่ๆของรัฐบาล ดังนั้นตลาดจึงยังมีความเสี่ยงขาลงคาดว่าในเดือน มี.ค.นี้ ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ1,530 -1,550 จุด”logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP