17 มีนาคม 2560 : นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การออกเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือ CG Code เป็นเรื่องของการพัฒนาที่ดี โดยมีจุดหมายในการมุ่งหวังให้กิจการมีผลประกอบการที่ดี โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคม สิ่งแวดล้อม เป็นต้น

โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.จะต้องมีหน้าที่นำพาตลาดทุนไปข้างหน้า โดยจะต้องมีเป้าหมายของแต่ละปีที่จะทำ และจะต้องเป็นผู้ชี้ทางให้ตลาดทุนว่าในอีก 10-20 ปีข้างหน้าจะมีแนวทางอย่างไร
ล่าสุด กระทรวงการคลังได้ร่วมมือกับก.ล.ต. เพื่อร่วมกันแก้ไขกฎหมาย เพิ่มอำนาจก.ล.ต.ให้มีอำนาจในการจัดการ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนได้ทันท่วงที เช่น หากกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น ทำอะไรให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมก.ล.ต.สามารถเข้าไปบริหารจัดการได้ หรือ เรียกว่าเป็นการติดดาบให้กับก.ล.ต. ซึ่งหากแก้ไขสำเร็จเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตลาดทุนมากขึ้น โดยคาดว่าจะเสนอให้ครม.พิจารณาได้ในช่วงกลางเดือนเมษายน 2560
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า กฎหมายดังกล่าวจะเพิ่มอำนาจให้ก.ล.ต.สามารถสั่งปลดผู้บริหารของบริษัทในกรณีที่ผู้บริหารไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท และผู้ถือหุ้น เช่น ผู้บริหารที่ไม่ยอมจัดประชุมผู้ถือหุ้น หรือไม่ยอมเซ็นอนุมัติชำระหนี้ และอื่นๆ เป็นต้น

โดยที่มาของกฏหมายดังกล่าวเป็นไปเพื่อเพิ่มความสามารถให้ก.ล.ต.สามารถจัดการกับตลาดทุนได้มากขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันมีบจ.ไทยบางแห่งมีปัญหาที่ไม่สามารถจัดการด้วยกฏหมายแบบเดิมได้ และเป็นกฏหมายที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
“กฎหมายใหม่จะช่วยให้กลต.สามารถสั่งปลดผู้บริหารที่ไม่ทำหน้าที่จนบริษัทได้รับความเสียหายได้ ดังเช่นที่กรณีพิพาทที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และเป็นกฎหมายที่มีเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่เรื่องกระบวนการแรกก่อนที่จะปลดเขากำลังหารือกันอยู่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ หรือพร่ำเพรื่อ และไม่ใช่การทำเกินกว่าเหตุหรือรุนแรงเกินไป แต่ทำเพื่อผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้นซึ่งที่ผ่านมาได้เจรจากับคลังแล้วได้รับความเห็นชอบมาก แต่หากถึงขั้นปลดผู้บริหารออกจากตำแหน่งจริง ก.ล.ต.จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นทันที เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ สามารถเลือกผู้บริหารที่ต้องการต่อไปได้ ” นายรพีกล่าว![]()












