23 มีนาคม 2560 : ไฮเออร์ส่งเครื่องปรับอากาศนวัตกรรมใหม่ Evaporator Self Cleaning Function เทคโนโลยีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำความสะอาดเครื่องได้ด้วยตัวเอง รุ่น ULTIMATE PLUS COOL VNQ SERIES และอีกสองรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุด DAWN COOL VDA SERIES และCHILL COOL CTR SERIES หวังแชร์ส่วนแบ่งตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าหน้าร้อน คาดสิ้นปี 60 รายได้เพิ่มขึ้น 10% คิดเป็นรายได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,700 ล้านบาท
มร. หยาง เสี้ยวหลิน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไฮเออร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ เปิดเผยว่า ในปีนี้ 2560 ไฮเออร์ทุ่มงบประมาณการลงทุนในการปรับปรุงร้านค้าและการทำการตลาดกว่า 100 ล้านบาท ในการนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะหน้าร้อนนี้นอกจากเครื่องปรับอากาศในตลาดระดับ Eco แล้ว ปีนี้ยังได้ส่งเครื่องปรับอากาศเพื่อเจาะ ตลาดระดับ Hi-End อาทิรุ่น Ultimate Plus Cool VNQ SERIES แบ่งเป็น 4 ขนาดได้แก่ 10,000 BTU, 13,000 BTU, 18,000 BTU และ 24,000 BTU ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Evaporator Self Cleaning Function เทคโนโลยีเพียงหนึ่งเดียวของแบรนด์ไฮเออร์ที่สามารถทำความสะอาดเครื่องได้ด้วยตัวเอง

ซึ่งจะเพิ่มความเย็นระหว่างคอยล์เย็นให้อุณหภูมิต่ำลง จนมีน้ำแข็งปกคลุมจนเต็มพื้นที่ในระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นเมื่อน้ำแข็งละลาย ก็จะดึงฝุ่นที่เกาะอยู่ที่คอยล์เย็นหลุดออกมาด้วย โดยกระบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ภายในระยะเวลาเพียง 20 นาทีเป็นการแก้ปัญหาคอยล์เย็นที่ทำความสะอาดยาก นอกจากนี้ยังมีระบบซิลเวอร์นาโนไอออนสารต้านจุลชีพเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียถึง 99.9% แก้ปัญหาการเกิดแบคทีเรีย ส่งผลดีต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจ และเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ระบบอินเวอร์เตอร์ประหยัดไฟสูงสุด 36% เมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศอื่นๆ
นอกจากนี้ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับหน้าร้อน “Hello Summer: ซื้อไฮเออร์ ได้ทั้งช้อป ได้ทั้งชิลล์” เมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ พร้อมรับ e-Voucher ใช้แทนเงินสดเมื่อจองที่พักกับ agoda.com”

“ด้วยในปีนี้คาดการณ์ว่าอากาศประเทศไทยน่าจะมีอุณหภูมิที่สูง บวกกับอากาศที่ร้อนเร็วกว่าทุกปี จึงทำให้ตลาดเครื่องปรับอากาศทวีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ต่างงัดกลยุทธ์การแข่งขันส่งสินค้าโมเดลเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ๆ พร้อมทุ่มงบการตลาดหวังส่วนแบ่งมาร์เก็ตแชร์ช่วง 3-4 เดือน ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2560 รายได้ของไฮเออร์จะเพิ่มขึ้น 10% หรือคิดเป็นรายได้รวมประมาณ 2,700 ล้านบาท”
สำหรับผลประกอบการของไฮเออร์ในปี 2559 มีรายได้รวมประมาณ 2,480 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมากเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องซักผ้า และ โทรทัศน์ ตามลำดับ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไฮเออร์ได้สร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์และพัฒนาสินค้าให้เป็นที่ยอมรับ เพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับหนึ่งของโลกในด้านส่วนแบ่งทางการตลาดจากการจัดอันดับโดยยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 8 ปีติดต่อกัน โดยไฮเออร์มีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 9.8 ของปริมาณการค้าปลีกทั่วโลก ![]()












