WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 2 มิถุนายน 2567 ติดต่อเรา
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C ตอบสนองทุกความเร้าใจ ##

20 พฤศจิกายน 2560 : มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นอกจากทิศทางการดำเนินงานของบริษัฯ ที่ยังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์หลักอย่างแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ แล้ว ยังมุ่งเน้นมาที่แบรนด์รถยนต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนิช มาร์เก็ต (Niche Market) มากขึ้น

DSC_0363

โดยล่าสุดได้เปิดตัวรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG สองรุ่น อย่าง Mercedes-AMG GT R ในราคาเริ่มต้นที่ 17.4 ล้านบาท และ Mercedes-AMG GT C นำเสนอในราคาเริ่มต้นที่ 16.8 ล้านบาท เพื่อมาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม

มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สมาชิกใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 2 รุ่นนี้ อย่าง Mercedes-AMG GT R เป็นรถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์แรงที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีแบบมอเตอร์สปอร์ตเต็มสมรรถนะ และ Mercedes-AMG GT C สปอร์ตโรดสเตอร์ที่พร้อมมอบประสบการณ์ความเร้าใจให้กับทุกการขับขี่

DSC_0089

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ผสานพลังกับระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด ช่วยทำให้รถมีความคล่องตัวและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีดีไซน์สปอร์ตเต็มตัวที่โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย และโดดเด่นไม่เหมือนใครตามแบบฉบับของ Mercedes-AMG

DSC_0359

Mercedes-AMG GT R รถสปอร์ตรุ่นแรกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำสมัยของรถแข่งมาประยุกต์ใช้ ถือเป็นการยกะดับการขับขี่ที่เต็มไปด้วยประสิทธภาพและความเร้าใจ เป็นการผสมผสานรหว่างสมรรถนะของรถสปอร์ตกลุ่ม AMG GT 3 กับการใช้งานในชีวิตประจำวันของรถสปอร์ตกลุ่ม AMG GT เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับผู้เป็นเจ้าของที่ชื่นชอบความเร็ว มีระบบกันสะเทือนที่ออกแบบมาเผื่อใช้กับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ ใช้กับนวัตกรรม AMG Lightweight Performance

Mercedes-AMG GT C_Interior (1)

ทำให้โครงสร้างของรถมีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถกระจายแรงได้เป็นอย่างดี ระบบควบคุมการยึดเกาะแบบ 9 ระดับ หรือ AMG TRACTION CONTROL ที่สามารถจำลองค่าแรงเสียดทานภายในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที เพื่อเตรียมระบบต่างๆ ของรถให้สอดคล้องกับสภาพพื้นถนน โดยมีกลไกชุดหม้อเพลาท้ายรถแบบ LSD เป็นตัวช่วย

ดีไซน์ภายนอก รูปลักษณ์ของ Mercedes-AMG GT R สะท้อนปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่ทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์และเอเอ็มจียึดถือ ส่วนหน้าของตัวรถมีลักษณะลาดต่ำ และกระจังหน้าแบบ AMG Panamericana (เอเอ็มจีแพนอเมริกาน่า) ที่ยื่นออกไปคล้ายจมูกฉลามนั้นสามารถช่วยลดแรงกดที่ด้านหลังตัวรถ ส่งผลให้การไหลเวียนของอากาศขณะรถเคลื่อนที่ดีขึ้น

Mercedes-AMG GT C_Interior (10)

Mercedes-AMG GT C_Interior (13)

ส่วนทางด้าน Mercedes-AMG GT C การผสมผสานนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากรถยนต์ Mercedes-AMG GT C เข้ากับระบบช่วงล่างเอเอ็มจีไรดคอนโทรลแบบสปอร์ต ที่เป็นจุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ ระบบช่วงล่างของทั่ง 4 ล้อมีปีกนกและแกนบังคับเลี้ยว โดยล้อทั่ง 4 จะถูกควบคุมโดยกลไกลปีกนกแบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหมุนล้อและการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

ดีไซน์ภายนอก มีการเสริมสปอยเลอร์หลังที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในสนามแข่งรถยนต์ที่มีช่องทางวิ่งกว้าง, ล้อหลังถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรมต่างๆ ที่เพลาหลัง และเพิ่มประสิทธิภาพขณะเข้าโค้งและเสริมการยึดเกาะ, กระจังหน้าแบบเอเอ็มจีแพนอเมริกาน่า มีวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT 3, ฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง ทำให้รถดูกว้างขวาง

Mercedes-AMG GT C_Interior (11)

อีกทั้งยังมีช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่องรับอากาศนี้สามารถเปิดหรือปิดตัวเองได้อัตโนมัติ ตามความเร็วของรถยนต์ที่ผู้ขับขี่กำหนดเอง นอกจากนั้นยังมีหลังคาผ้าใบ 3 ชั้นที่มีผิวสัมผัสนุ่ม มีโครงสร้างเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมและอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา โดยสามารถกางเปิดหรือเลื่อนปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที และใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่งที่ความเร็วสูงสุดที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mercedes-AMG GT C_Interior (1)

Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C มาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี้สามารถเลือกโหมดของเกียร์หลักได้ 3 แบบคือ “ c ” ( Comfort ) สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน “ S ” ( Sport ) และ “ S+ ” ( Sport Plus ) เน้นความเร้าใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น และ “ I ” ( Individual ) ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้ อีกทั้งยังมีโหมด “ RACE ” ที่เป็นโหมดเสริมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแรงและเกียร์ที่เปลี่ยนได้รวดเร็วเหมือนอยู่ในสนามแข่งรถ

รถยนต์ทั่งสองรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ความจุกระบอกสูบ 4 ลิตร ระบบไดเรคอินเจคชั่น และระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด ( seven-speed dual clutch transmission ) ที่ช่วยทำให้รถมีความคล่องตัวยยิ่งขึ้น และการตอบสนองของระบบเกียร์จะดีขึ้นตามจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ของผู้ขับขี่ logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

รถยนต์ ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP