16 มีนาคม 2561 : นายเดวิด โครูนิช ประธานกรรมการบริหาร แอกซ่า ประเทศไทย และประธานกรรมการบริหาร บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดเผยว่า ในปี 2561 ธุรกิจด้านประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิ้งค์) และประกันสุขภาพยังคงเป็นกลยุทธ์หลักที่สำคัญของบริษัท ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน พร้อมสัญญาเพิ่มเติม ผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อการเกษียณ และประกันคุ้มครองสุขภาพ โดยจะขายผ่านช่องทางที่หลากหลาย
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมสัมมนาทางการเงิน “Wealth Seminar – ไขความลับการลงทุนประตูสู่ความมั่งคั่ง” เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศไทย ซึ่งได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุนของบริษัทฯ ที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยลูกค้าสามารถปรับสัดส่วนของการลงทุน และความคุ้มครองได้ตามความต้องการในทุกช่วงชีวิต เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงสุด จากผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน อาทิ ไออินเวสท์ และ ไอเวลท์ตี้
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เริ่มจัดงานสัมมนากว่า 30 ครั้ง ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถสร้างยอดขายเบี้ยรับประกันภัยปีแรกได้สูงกว่าถึง 1 พันล้านบาท และทางบริษัทฯ ยังมีแผนในการจัดสัมมนาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจำนวน 100 สัมมนาตลอดปี 2561 ทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ หรือที่ว่า “แบรนด์ รีเฟรช” โดยเป็นการปรับรูปลักษณ์ และความเป็นตัวตนของแบรนด์ ให้เป็นแบรนด์ที่มีความทันสมัย เรียบง่าย และมีชีวิตชีวา
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะเปิดตัวภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ ซึ่งจะเน้นให้ความสำคัญและสร้างการตระหนักรู้ถึงการมีประกันสุขภาพ ซึ่งบริษัทมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในระยะยาว จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์บางแบบให้ความคุ้มครองระยะยาวกว่า 10 ปี หรือตลอดอายุของลูกค้า ดังนั้น บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนา และรักษาความสำพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า อีกทั้ง ในปีนี้บริษัทฯ จะเพิ่มสำนักงานตัวแทนผลิต 15 แห่ง และเพิ่มจำนวนตัวแทน 2,000 คน
สำหรับพอร์ตลงทุนรวมในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.35 แสนล้านบาท และยังคงเน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยมีอัตราส่วนการลงทุนในหุ้นทุน 7% พันธบัตร 83% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 3% ตราสารการเงินระยะสั้น 1% และอื่นๆ 6%
ด้านผลการดำเนินธุรกิจบริษัทมีเบี้ยประกันรับปีแรกจำนวน 1.23 หมื่นล้านบาท เบี้ยรับรวม 6.33 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนที่รับปีแรกทางช่องทางจัดจำหน่าย ดังนี้ ช่องทางการขายผ่านธนาคาร 5.82 พันล้านบาท ช่องทางตัวแทน 6.28 พันล้านบาท ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธุรกิจองค์กร 250 ล้านบาท และอีบิซิเนส 15 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทั้งช่องทางผ่านธนาคารกรุงไทย และตัวแทนจำหน่ายกว่า 15,000 คน รวมถึงมีสำนักงานตัวแทนกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค
ทางด้าน นางสาวบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า บุคลากรของบริษัทฯ ถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าและมีความสำคัญมากที่สุด บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาสวัสดิการใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อเป็นสวัสดิการที่ดีของพนักงาน และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ
· ลาคลอด 112 วัน (โดยได้รับค่าจ้าง)
· ลาดูแลภรรยาคลอดบุตร 28 วัน (โดยได้รับค่าจ้าง)
· ลาเพื่อแปลงเพศ
· ลาเนื่องในวันคล้ายวันเกิด
· ลาเพื่อไปร่วมกิจกรรมช่วยเหลือสังคม
· ลาดูแลคนป่วยในครอบครัว
· เลิกงานก่อนเวลาในช่วงเทศกาล
· สิทธิคุ้มครองสุขภาพสำหรับคู่รักเพศที่สาม
· โปรแกรมให้คำปรึกษาแก่พนักงาน
จากความสำเร็จของเราในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนงานที่จะรีเฟรชโครงการ Employer Branding เพื่อนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน “Employee Value Proposition” ที่ไม่เหมือนใคร และเพื่อดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถในตลาด โดยเราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับพนักงานแต่ละคน เนื่องจากความสุขและการมีส่วนร่วมของพนักงาน ถือเป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับความพึงพอใจของลูกค้าของเรา
น.ส. บุปผาวดี โอวรารินท์ กล่าวเสริมว่า “เรามุ่งหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับพนักงาน โดยการฟังเสียงของพนักงานทุกคน เราจึงริเริ่มทำหลายๆ กิจกรรมขึ้น เช่น ซีอีโอพบปะพนักงานการสอบถามความคิดเห็นพนักงานด้านต่างๆ ผ่าน ซีอีโอบอกซ์ และการทำแบบสอบถามความพึงพอใจของพนักงาน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นข้อเสนอแนะที่มีค่าต่อบริษัทฯ ที่กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต เรามุ่งมั่นที่จะสร้างและรักษาภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งของแบรนด์ โดยพนักงานถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้ว่าพนักงานจะมีความกระตืนรือร้นในการทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เมื่อพวกเขารู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำและทำงานกับองค์กรที่พวกเขาไว้วางใจในค่านิยม วัฒนธรรม และทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัท”
มร. เดวิด โครูนิช กล่าวเสริมว่า “เราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรที่มีความเปิดเผย และโปร่งใส เราเป็นหนึ่งในผู้นำขององค์กรที่มุ่งเน้นด้านการสร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน (D&I) ในประเทศไทย โดยปัจจุบันเรามีพนักงานจาก 12 เชื้อชาติ และ 45% ของผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิง นอกจากนั้นการรับสมัครงานของบริษัทฯ ยังให้สิทธิต่อทุกคนอย่างเสมอภาค อีกทั้งการให้สิทธิต่อเพศที่สามตามที่คุณบุปผาวดีได้กล่าวก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเราต่อยอดถึงการพัฒนาด้านผลประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าของเราไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม เพื่อคู่รักเพศเดียวกัน (LGBT) ในทุกผลิตภัณฑ์ประกันของเรา นอกจากนั้นเรายังมุ่งมั่นในด้านความเสมอภาคและ
ความเท่าเทียมกัน (D&I) โดยบริษัทฯ เป็นผู้สนับสนุนหลักในหลายโครงการ เช่น Run2gether และการประกวด Miss International Queen ที่สนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 2”
ในฐานะผู้นำประกันชีวิต กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ให้ความสำคัญต่อการศึกษาและการวางแผนทางการเงิน ของเยาวชนและนักเรียน ส่งผลให้บริษัทฯ ร่วมมือกับหลายองค์กร ได้แก่ Junior Achievement ประเทศไทย และมูลนิธิครอบครัวพอเพียง ร่วมสร้างหลักสูตรพิเศษ ที่ใช้ชื่อว่า “หลักสูตรประกันความสำเร็จของคุณ” เพื่อสอนน้องๆ นักเรียน ในเรื่องความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน
โดยหลักสูตรดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีนักเรียนที่เข้าเรียนในหลักสูตรดังกล่าวกว่า 1,850 คน หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญในการเลือกการวางแผนทางการเงินที่ดีที่สุด การออมเงินเพื่ออนาคต รวมถึงการวางแผนงบประมาณในครัวเรือน ยังสอนถึงเรื่องความสำคัญของการประกันชีวิตหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นในอนาคต
ในปีนี้ บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างองค์กร มุ่งเน้นธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันสุขภาพ โดยได้มีการแต่งตั้ง มร.พอล แอร์โรวสมิธ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจประกันชีวิต และ มร.อองเดร ซานิค ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจประกันสุขภาพ โดยผู้บริหารทั้ง 2 ท่านจะบริหารงานในการส่งมอบการบริการและผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าของเรา นอกจากนี้ ได้มีการแต่งตั้งคุณโคลด เซนย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ดูแลงานธุรกิจประกันภัย
นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนและสร้างความแข็งแกร่ง ของกลยุทธ์ “One AXA” แอกซ่าในประเทศไทย ได้แก่ กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต แอกซ่าประกันภัย และแอกซ่าพาร์ทเนอร์ จะทำงานร่วมกัน เพื่อการสร้างความเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่ง
สำหรับปี 2561 ผมมองว่า จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทาย สำหรับธุรกิจประกัน ด้วยการแข่งขันด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี รวมถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า แต่ผมยังมั่นใจว่า ธุรกิจประกันจะยังคงมีโอกาสเติบโตอีกมาก ในประเทศไทย”