WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน 2568 ติดต่อเรา
รถยนต์ไฟฟ้า BEV … เซ็กเมนต์ใหม่ของตลาดรถยนต์ไทย+++

5 กันยายน 2559 : รถยนต์ไฟฟ้า BEV เป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยในช่วงต้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นระยะเวลาในการเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนส่งเสริมการลงทุน การพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยีสำหรับการขับเคลื่อน การปรับตัวของห่วงโซ่การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนในไทย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จ การเตรียมความพร้อมในด้านทักษะของบุคลากร โดยเฉพาะช่างเทคนิค รวมถึงการพัฒนาศูนย์ให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี

08

จากระดับของเทคโนโลยีในรถยนต์ BEV ในปัจจุบัน มองว่า ในระยะแรก ตลาดรถยนต์ BEV ในไทย อาจจะยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายประการ โดยเฉพาะในด้านความกังวลของผู้บริโภคไทยโดยรวมที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ BEV อาทิ ราคารถยนต์ BEV อยู่ในระดับสูง สมรรถนะของเทคโนโลยีขับเคลื่อนยังมีขีดจำกัด อะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงยังมีในวงจำกัดและมีราคาสูง สถานีชาร์จไฟยังไม่มีการเปิดให้บริการอย่างแพร่หลาย และตลาดรถยนต์ BEV มือสองมีแนวโน้มอยู่ในวงจำกัด เป็นต้น

หากมองในมุมกูรู ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าประเด็นดังกล่าวว่า ในระยะแรกผู้ประกอบการผลิตรถยนต์นั่ง BEV โดยส่วนใหญ่ น่าจะวางตำแหน่งทางการตลาดของรถยนต์ BEV เป็นกลุ่มพรีเมียมที่มีราคาอยู่ในระดับสูง ซึ่งนับเป็นอีกเซ็กเมนต์หนึ่งที่น่าจะกลายเป็นรถยนต์ทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้สูงหรือกลุ่มระดับไฮเอนด์ที่มีความชื่นชอบและติดตามการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีในยานยนต์ใหม่ๆ

06

05

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า ในระยะแรกของการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนรถยนต์ด้วยระบบไฟฟ้า การเกิดขึ้นของรถยนต์ BEV น่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรถยนต์ในเซ็กเมนต์อื่นๆ มากนัก ในยุคปัจจุบัน แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้เริ่มปรับตัวเข้าสู่การแข่งขันในด้านเทคโนโลยีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ได้แก่ 1.รถยนต์ BEV (Battery Electric Vehicles: BEV) ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว 2. รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicles: HEV) ที่เป็นส่วนผสมระหว่างระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอรี่และระบบแบบเดิมที่ใช้น้ำมัน

3.รถยนต์ปลั๊ก อินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicles: PHEV) ที่นอกจากจะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีผสมระหว่างระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอรี่และระบบแบบเดิมที่ใช้น้ำมัน ก็ยังสามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟจากภายนอกได้

10

12

ทั้งนี้ ด้วยการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นผู้นำทางด้านการวิจัย และพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของกลุ่มผู้ผลิตทั่วโลก ทำให้กลุ่มตลาดรถยนต์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ BEV ที่เป็นการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ขั้นสูงไปอีกระดับ โดยรถยนต์ BEV น่าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกมากขึ้นเป็นลำดับ และเป็นตลาดที่น่าจะมีศักยภาพเติบโตได้อีกมากในอนาคต สะท้อนจากยอดขายรถยนต์ BEV ทั่วโลกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องโดยเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 70 ต่อปี

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ BEV ทั่วโลกเทียบกับยอดขายรถยนต์ทั้งหมดน่าจะพุ่งแตะระดับร้อยละ 2.7 ได้ในปี 2563 หรือคิดเป็นยอดขายมากกว่า 2.7 ล้านคัน จากที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.36 ในปี 2558 คิดเป็นปริมาณราว 3.3 แสนคัน ภายใต้สภาวการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ไทยจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ในเวทีระดับโลก และรักษาสถานะการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกต่อเนื่องไปในอนาคตได้

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ก็พบว่า ไทยพอจะมีศักยภาพและความพร้อมที่จะต่อยอดและยกระดับไปสู่เทคโนโลยีรถยนต์ BEV ในอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน ไทยเป็นฐานในการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนสำคัญแห่งหนึ่งของโลก และมีห่วงโซ่การผลิตที่ครอบคลุมการผลิตชิ้นส่วนที่หลากหลาย โดยเป็นฐานการผลิตของผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับโลกเกือบ 60 ราย รวมถึงมีผู้ประกอบการครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิตกว่า 2,400 ราย

ส่งผลให้ไทยสามารถผลิตรถยนต์หลายรุ่นที่ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากกว่าร้อยละ 80 ของต้นทุนการผลิตรถยนต์หนึ่งคัน โดยชิ้นส่วนรถยนต์ส่วนใหญ่ราวร้อยละ 90 ที่ผลิตในไทยจะเป็นชิ้นส่วนเชิงกล ไม่ว่าจะเป็นโครงรถและตัวถัง (Body) ระบบกันกระเทือนหรือระบบช่วงล่าง (Suspension) เป็นต้น ซึ่งสามารถต่อยอดเพื่อสนองต่อการผลิตรถยนต์ BEV ในส่วนของชิ้นส่วนร่วมกับรถยนต์แบบเดิม ที่คิดเป็นต้นทุนด้านชิ้นส่วนมากกว่าร้อยละ 40 ของการผลิตรถยนต์ BEV หนึ่งคัน

Volvo C30 BEV- 02

04

Toyota bev

นอกจากนี้ ในปัจจุบัน รัฐบาลไทยก็ได้มีการวางแผนทางด้านนโยบายและยุทธศาสตร์สำหรับการผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์ BEV อย่างจริงจัง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยโดยรวม โดยมีการสนับสนุนทั้งในด้านการใช้งานภายในประเทศ และส่งเสริมให้ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ BEV เพื่อการส่งออก ซึ่งจะเป็นการสร้างโปรดักส์แชมป์เปี้ยนตัวใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

อย่างไรก็ตาม มองว่า เทคโนโลยีรถยนต์ BEV ยังคงเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่งหลายๆภาคส่วนทั้งในกลุ่มของผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ผู้ประกอบการธุรกิจพลังงาน ตลอดจนภาครัฐบาล จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาประมาณหนึ่งในการเตรียมความพร้อมก่อนจะเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีรถยนต์ BEV

ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ในระยะแรกเป็นระยะเวลาสำหรับการเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนส่งเสริมการลงทุน การพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยีสำหรับการขับเคลื่อน การปรับตัวของห่วงโซ่การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนในไทย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จ การเตรียมความพร้อมในด้านทักษะของบุคลากร โดยเฉพาะช่างเทคนิค รวมถึงการพัฒนาศูนย์ให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้น ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี จากระดับของเทคโนโลยีในรถยนต์ BEV ในปัจจุบัน

03

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังมองว่า ในระยะแรก ตลาดรถยนต์ BEV ในไทย อาจจะยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความกังวลของกลุ่มผู้บริโภคไทยโดยส่วนใหญ่ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ BEV โดยสามารถวิเคราะห์ได้ ดังนี้ 1.ราคารถยนต์ BEV อยู่ในระดับสูง เนื่องจากรถยนต์ BEV เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องการการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเทคโนโลยีสำหรับการขับเคลื่อนอย่างแบตเตอรี่และมอเตอร์ ทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาขายของรถยนต์ BEV อยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้รถยนต์ BEV ยังอยู่ในวงจำกัด โดยกระจุกตัวอยู่เพียงกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้สูงหรือระดับไฮเอนด์ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีในยานยนต์ใหม่ๆ โดยราคารถยนต์นั่ง BEV มีราคาสูงกว่ากลุ่มรถยนต์ประเภทที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเดิมตั้งแต่ร้อยละ 65 ถึงร้อยละ 260

02

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ภาครัฐได้มีนโยบายยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์ BEV สำเร็จรูปและชิ้นส่วน โดยมีโควต้านำเข้ารถยนต์ดังกล่าวประมาณ 5,000 คัน ซึ่งน่าจะทำให้ราคารถยนต์นั่ง BEV ที่จำหน่ายในไทยลดลง โดยคาดว่า ราคารถยนต์นั่ง BEV ที่ยังไม่รวมมูลค่าการวางตำแหน่งทางการตลาดของผู้ผลิต จะมีราคาสูงกว่ารถยนต์แบบเดิมอยู่ราวร้อยละ 15 ถึงร้อยละ 85

2.สมรรถนะของเทคโนโลยีขับเคลื่อนที่สำคัญอย่างแบตเตอรี่และมอเตอร์ยังมีขีดจำกัด ส่งผลให้ในปัจจุบัน รถยนต์ BEV เหมาะสมกับรถยนต์นั่งประเภทไมโครคาร์ (Microcar) และรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก (Subcompact Car) ที่ไม่ต้องการกำลังในการขับเคลื่อนสูงมากนัก และเหมาะกับการเดินทางในระยะใกล้ อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์นั่ง BEV ชั้นนำของโลก ก็ได้มีการพัฒนาสมรรถนะเทคโนโลยีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาความจุของแบตเตอรี่ในรถยนต์ BEV ให้สามารถวิ่งได้ในระยะไกลขึ้น และใช้เวลาในการชาร์จไฟน้อยลง

07

โดยปัจจุบัน แบตเตอรี่ในรถยนต์ BEV มีสมรรถนะที่สูงขึ้น โดยจะใช้เวลาชาร์จไฟโดยเฉลี่ยประมาณ 4-8 ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง จากเดิมที่จำเป็นต้องใช้เวลาชาร์จไฟโดยเฉลี่ยนานถึง 12 ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้เพียง 93 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

รถยนต์ ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP