7 กันยายน 2559 : นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เปิดเผยว่า GL Holding หรือ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ ได้ลงนามในบันทึกช่วยจำ (MOU) เพื่อซื้อหุ้น 71.9% ของ BG Microfiance Myanmar Co., Ltd (BGMM) ซึ่งมีใบอนุญาตถาวรในการไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมา และประกอบกิจการ 2 ปี โดยซื้อหุ้นดังกล่าวจาก BG International Private Ltd., ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไฟแนนซ์ชั้นนำยักษ์ใหญ่ในประเทศศรีลังกา ชื่อ บริษัท Commercial Credit
โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกา และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่เหลืออีก 28.1% ใน BGMM ที่เมียนมาต่อไป และได้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรกับ GL ซึ่งการเทคโอเวอร์ครั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมีผลในอนาคตอันใกล้หลังจากที่บริษัทได้ตรวจสอบสถานะกิจการของ BGMM โดยจะสามารถเริ่มบุ๊คกำไรจากธุรกิจใหม่ในเมียนมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้
สำหรับเมียนมาเป็นประเทศที่ 5 ในเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของบริษัท โดยบริษัทได้เริ่มขยายธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในไทยเข้าสู่ประเทศข้างเคียง เช่น กัมพูชา ลาว และอินโดนีเซีย โดยได้พัฒนาแพลทฟอร์ม ดิจิตอล ไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ต้นทุนต่ำ และขณะเดียวกันก็ขยายธุรกิจเช่าซื้อให้ครอบคลุมสินค้าและบริการอื่นๆ เช่น เครื่องจักรกลการเกษตรคูโบต้า แผงโซลาร์เซลล์ พานาโซนิค ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 255.85 ล้านบาท เป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์ และทำให้กำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 487 ล้านบาท
ส่วนการเทคโอเวอร์รายล่าสุด จะมีนัยต่อผลกำไรของกลุ่ม GL ในระยะยาว ซึ่งแม้ว่าขณะนี้ BGMM ยังมีขนาดเล็ก แต่ก็มีกำไรที่ดี โดยสามารถทำกำไรได้เดือนละ 20,000 เหรียญสหรัฐ และมีจำนวนลูกค้าทั้งหมด 9,800 คน และมียอดสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปของเงินกู้ที่ปลอ่ยกู้เป็นกลุ่ม มีลูกหนี้กลุ่มละ 5 คน ซึ่งแต่ละคนจะกู้เป็นเงิน 200 เหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อรถจักรยานยนต์มือสองหรือเครื่องใช้ส่วนตัวอย่างอื่น โดยที่ลูกหนี้แต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบซึ่งกันและกัน ส่วนเงินกู้มีระยะเวลาทั้งสิ้น 50 สัปดาห์ กำหนดชำระคืนทุกสัปดาห์ โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นสตรีแม่บ้านที่เป็นจุดศูนย์รวมครอบครัวในพื้นที่ชนบททั่วไป ซึ่งเป็นจุดแข็งของระบบการบริหารจัดการไมโครไฟแนนซ์ของกลุ่มพันธมิตรใหม่ของบริษัท
อย่างไรก็ตาม BGMM สามารถจะขยายยอดสินเชื่อได้อย่างมาก แต่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการส่งเงินออกจากประเทศศรีลังกา แต่ปัญหาดังกล่าวจะหมดไปหลังจากการเทคโอเวอร์ โดยบริษัทพร้อมอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนใหม่จำนวน 68 ล้านเหรียญสหรัฐในทันที เพื่อขยายสาขาจากปัจจุบันมีอยู่ 3 สาขา (2 สาขาในย่างกุ้ง และอีก 1 สาขาในเมือง Bago) ให้ครอบคลุมอีก 12 จังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศเมียนมา โดยคาดยอดปล่อยสินเชื่อทั้งสิ้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 30-40 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีหน้า และกำไรต่อเดือนคาดว่าจะพุ่งขึ้นถึง 10 เท่า หรือ เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2 แสนเหรียญสหรัฐต่อเดือน
“บริษัทรู้สึกยินดีที่ได้พันธมิตรใหม่ โดยบริษัทดังกล่าวมีชื่อเสียงและมีมาตรฐานการบริหารจัดการ ที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจไมโคร ไฟแนนซ์ โดยเราสามารถผสมผสานกับ แพลทฟอร์ม ดิจิตอล ไฟแนนซ์ ของบริษัทในการรุกขยายธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมา และประเทศอื่นๆ ที่เราได้ขยายเข้าไปแล้ว โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ถือว่ามีศักยภาพที่จะขยายตลาดได้อย่างมาก” นายมิทซึจิ กล่าว