27 ตุลาคม 2565 : ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง ภายใต้โครงการ “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้จนไม่สามารถชำระหนี้ได้ อันเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด หรือค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีสถาบันการเงินเข้าร่วมโครงการกว่า 67 ราย
โดยรูปแบบการจัดแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ออนไลน์" จัดให้ลูกหนี้เข้าร่วมลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 65 เวลา 14.00 น. - 30 พ.ย. 65 โดยแบ่งเป็นประเภทหนี้ ดังต่อไปนี้ สินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อเช่าซื้อรถ จำนำทะเบียนรถ, นาโนไฟแนนซ์, สินเชื่อที่อยู่กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ และ สินเชื่อทุกประเภทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
สำหรับความคืบหน้า 1 เดือนที่ผ่านมาของมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ ปัจจุบันมียอดลงทะเบียนกว่า 2.2 แสนรายการ (26 ก.ย.65-26 ต.ค.65) จากลูกหนี้ประมาณ 90,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อบัตรเครดิตส่วนบุคคล เช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ สินเชื่อบัตรกดเงินสด ประมาณ 80% ซึ่งจากยอดกว่า 90,000 รายนี้ มี 67 รายมีมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 90% คือบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
สำหรับ ระยะที่ 2 : "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร" กำหนดจัดงานที่กรุงเทพฯ วันที่ 4-7 พ.ย. 65 เมืองทองธานี จ.ขอนแก่น วันที่ 18-20 พ.ย.65 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติขอนแก่น, จ.เชียงใหม่ วันที่ 16-18 ธ.ค.65 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่, จ.ชลบุรี วันที่ 20-22 มกราคม 2566 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน และ หาดใหญ่ 27-29 มกราคม 2566 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สามารถลางทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ www.bot.or.th/bmed
ส่วนขั้นตอนและเงื่อนไข ภายหลังจากลูกหนี้ลงทะเบียนในช่วงวันที่ 26 ก.ย. – 30 พ.ย. 65 แล้ว เจ้าหนี้จะติดต่อกลับภายใน 18 วัน โดยเจ้าหนี้จะพิจารณาตามสถานะหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
“คำเตือน”
ลูกหนี้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ ควรลงทะเบียนด้วยตนเอง โดยใช้ลิงก์นี้เท่านั้น www.bot.or.th/debtfair ไม่มีค่าดำเนินการใด ๆ ในการเข้าร่วมมหกรรม ฯ ทั้งสิ้น เช่น ค่าลงทะเบียน ค่าค้ำประกัน ค่าปลดล็อก SMS เจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่มีการติดต่อโดยตรงไปที่ลูกหนี้ทุกกรณี และไม่มีการทำธุรกรรมโดยตรงกับประชาชน หากมีเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนจากเจ้าหนี้ ติดต่อท่าน แนะนำให้สอบถาม “เลขที่คำขอ” กับเจ้าหน้าที่ที่ติดต่อมา เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง ก่อนให้ข้อมูลส่วนตัว หากสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ฝ่ายคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร.1213 
