17 มกราคม 2560 : ธนาคารทหารไทย เผยผลงานปี 59 กำไรสุทธิติดลบราว 11.85% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น19.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี59 อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนสำรองเพิ่มขึ้น 10% สำหรับปี 59 โดย NPL ลดลงเหลือ 2.53%

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ผลประกอบการธนาคารปี 59 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 8,226.25 ล้านบาท ปรับตัวลดลงประมาณ -11.85% เมื่อเทียบกับช่วงปี 58 ที่มีกำไรสุทธิประมาณ 9,333.06 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 2,084 ล้านบาท ปรับตัวลดลง -19.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไตรมาส 4/58 ธนาคารมีกำไรสุทธิประมาณ 2,594 ล้านบาท หากเทียบไตรมาส 3/59 เติบโตประมาณ 19.4% โดยไตรมาส3/59 มีกำไรสุทธิประมาณ 1,745 ล้านบาทส่วนกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองฯ มีจำนวน 18,667 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

โดยธนาคารตั้งสำรองฯเป็นจำนวน 8,649 ล้านบาท การตั้งสำรองระดับค่อนข้างสูงนี้เพื่อให้ธนาคารสามารถตัดหนี้สูญ (write off) เพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงลง ส่งผลให้สัดส่วน NPL ของธนาคารลดลงเป็น 2.53% และมีสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ในระดับสูงที่ 143% ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 8,226 ล้านบาท

นายบุญทักษ์ กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมาสินเชื่อเติบโต 2.2% แม้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อ SME จะลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจ สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนเงินฝากรวมลดลง 7% จากสิ้นปี 58 สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ 99% เงินฝาก All Free เติบโตถึง 20,000 ล้านบาท โดยในปี59สัดส่วนเงินฝากธุรกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้นจาก 37% เป็น 40% ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 7% ซึ่งมาจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ที่สูงขึ้นเป็น 3.17% จาก 3.02% ในปีก่อน

ในขณะที่ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน แม้ว่าค่าธรรมเนียมสินเชื่อลดลง 32% ตามทิศทางสินเชื่อธุรกิจที่ลดลง แต่ค่าธรรมเนียมจากลูกค้าบุคคลยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 13% จากค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์ที่สามารถขยายตัวได้ถึง 32% และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่ยังขยายตัวถึง 65% โดยรายได้รวมของธนาคารเพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว เป็นจำนวน 35,223 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 1% จากปีที่แล้วเป็นจำนวน 16,589 ล้านบาท ทำให้กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองฯ เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่แล้วโดย มาอยู่ที่ 18,667 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารมีสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อลดลงมาที่ 2.53% จาก 2.99% ในปี 58 และจำนวน NPL ลดลง 2,868 ล้านบาทจากปีก่อน เป็น 17,605 ล้านบาท และการที่ธนาคารตั้งสำรองฯในระดับสูงเป็นจำนวน 8,649 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้น 58% จากปีที่แล้ว ทำให้ธนาคารยังคงสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ที่แข็งแกร่งที่ 143% นอกจากนี้ สถานะเงินกองทุน Basel III มีอัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็น 18.14% และกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) เพิ่มขึ้นจาก 11.3% ปีที่แล้วเป็น 12.80% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธปท.ที่กำหนดไว้ที่ 9.125% และ 6.625% ตามลำดับ