30 มกราคม 2560 : ช่วงนี้อะไรไม่มีอะไรร้อนเท่าการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น หรือ B/E ซึ่งร้อนแรงมาตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากตั๋วบีอีของ NMG ผิดนัดชำระหนี้เป็นรายแรกในรุ่นตั๋วเงินบีอีงวด 50 ล้านบาทเมื่อวันที่ 1ธ.ค.59 ที่ผ่านมา และปัจจุบันได้ชำระคืนครบแล้ว และเชื่อว่าบีอีของ NMG ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นมาจากการขาดกรรมการ ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวได้จบลงแล้ว ทั้งนี้ ตั๋วบีอีของ NMG มียอดครบกำหนดในปี60 รวมทั้งสิ้น 300 ล้านบาท และเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดผิดนัดชำระขึ้นมาอีก
ถัดมาตั๋วบีอีของ KC มีการผิดนัดชำระ 2 รุ่นมูลค่ารวม 170 ล้านบาทเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.59 และ5 ม.ค.60 ทั้งนี้ KC ได้จดจำนองสินทรัพย์ค้ำประกันมูลค่ากว่า360 ล้านบาท เจ้าหนี้มีความมั่นใจที่จะได้เงินมาจ่ายคืนผู้ลงทุน ตั๋วบีอีของ KCที่เหลือยอดครบกำหนดในปีนี้รวม 180 ล้านบาท
แต่ที่เผ็ดสุดสำหรับการผิดนัดหนี้ตั๋วบีอีดังกล่าว คงไม่พ้นตั๋วบีอีของ IFEC ที่เริ่มจากผิดนัดชำระรุ่น 200 ล้านบาทเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.59 และได้ชำระคืนหมดแล้วเมื่อปลายปี 59 พอมารุ่น 200 ล้านบาท ได้เกิดการผิดนัดชำระเมื่อวันที่ 5 ม.ค.60 และได้เลื่อนขอชำระคืนมาวันที่ 11 ม.ค. 60 และไม่ชำระเงินเช่นเคย และเมื่อวันที่ 19 ม.ค.60 ได้ผิดนัดชำระหนี้อีก 100 ล้านบาท และวันที่ 26 ม.ค.60 ผิดนัดชำระหนี้อีก 200 ล้านบาท ส่งผลให้ IFEC มีหนี้ค้างชำระมากถึง 500 ล้านบาท และปัญหาที่IFEC ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ไม่ใช่ว่าธุรกิจขาดทุนย่อยยับ แต่เกิดจากมีปัญหากันภายในองค์กร
IFEC จัดประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อตั้งกรรมการทดแทนคนที่ลาออกไป โดยการประชุมผู้ถือหุ้น IFEC เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา ฝ่ายเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นต่างลุ้น หวังได้เงินคืน โดยการตั้งกรรมการได้ตามแผน แต่สุดท้ายความหวังอันน้อยนิดก็พังทยายต่อหน้าต่อตา หลังจากที่ผู้ถือหุ้นไม่เห็นชอบตั้งกรรมการที่เสนอชื่อมา เพราะผู้ถือหุ้นต่างเห็นความไม่ชอบธรรมผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง หมอวิชัย สุดท้าย ต้องมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้งในวันที่ 14 ก.พ.60 นี้ ซึ่งต้องมาติดตามต่อไปว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะจบได้อย่างไร
ทั้งนี้ บีอีของ IFEC ที่จะครบกำหนดภายในปีนี้รวมมูลค่าราว 1,920 ล้านบาท โดยทยอยครบกำหนด คือ ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.60 ส่วนตราสารหนี้ระยะยาว(หุ้นกู้)ของ IFEC จะครบอายุไถ่ถอนในช่วงเดือนพ.ย.60 มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท
ด้านสมาคมตราสารหนี้ไทย (Thai BMA) เปิดเผยว่า สมาคมฯไม่สามารถประเมินได้ว่าตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) ที่จะครบกำหนดราว 200,000 ล้านบาทในปีนี้จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้เช่นเดียวกับ3บริษัทที่เกิดปัญหาในขณะนี้ เพราะตั๋วบีอีที่อยู่ในท้องตลาดส่วนใหญ่มีศักยภาพดีมีการคัดกรองอย่างดีของผู้ลงทุน ส่วนการผิดนัดชำระหนี้ฯที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในที่ไม่ได้มาจากตัวธุรกิจ ส่วนการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอีในอุตสาหกรรมขณะนี้ มี 3 รายด้วยกัน
ทั้งนี้ อยากจะเตือนผู้ออกตั๋วบีอีว่าสถานการณ์ Rollover ในช่วงปีนี้จะไม่เหมือนหลายปีก่อน ดังนั้น ผู้ออกตราสารควรเตรียมสภาพคล่องไว้ให้เพียงพอสำหรับตราสารที่ใกล้จะครบอายุ หากภาพ Rollover หายไป เพราะภาพอัตราดอกเบี้ยเริ่มกลับมาขยับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว ส่วนกรณีการผิดการชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่กระทบต่อภาพการออกตราสารฯ เนื่องจากบริษัทที่ออกตราสารฯส่วนใหญ่จะมีคุณภาพ แต่ทั้ง 3 บริษัทที่มีปัญหาเกิดจากปัญหาภายในเป็นหลัก
“หุ้นกู้เอกชนระยะยาวทั้งหมดประมาณ 17% จะครบกำหนดในปีนี้ ซึ่งหนกู้ทั้งหมดที่ครบอายุในปี60ออกโดย5 เชกเตอร์ที่รวมกันแล้วราว 80% โดยช่วงเดือนเม.ย.60 หุ้นกู้ดังกล่าวจะครบอายุมากที่สุด ส่วนตราสารเอกชนระยะสั้นที่ครบกำหนดในปีนี้ คาดว่า ตราสารหนี้ระยะสั้นเฉพาะรายเชกเตอร์จะทยอยครบกำหนดในปีนี้รวม 260,344ล้านบาท รวม5เชกเตอร์กว่า 70% ของทั้งหมดในปีนี้” นางอริยา กล่าว
