13 พฤษภาคม 2568 : “การบินไทย” เตรียมคืนสู่ฟากฟ้าและกระดานเทรดอีกครั้ง หลังประกาศกำไรเฉียดหมื่นล้านบาท พร้อมยื่นศาลขอพ้นแผนฟื้นฟูกิจการ หลังจากเผชิญวิกฤตหนักจนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อปี 2563 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กลับมาเป็นที่จับตามองของวงการธุรกิจไทยอีกครั้ง เมื่อประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยกำไรมากกว่า 11,000 ล้านบาท

โดย "การบินไทย" ออกมาย้ำความสำเร็จว่า บริษัทฯยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงานไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 13,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 2,586 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไร (EBIT Margin) 26.5%

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 9,839 ล้านบาท และมี EBITDA หลักหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 12,728 ล้านบาท พร้อมกับยื่นศาลล้มละลายกลางเพื่อขอพ้นจากแผนฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นทางการ

ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปีนี้ไม่เพียงเป็นสัญญาณแห่งการฟื้นตัวของสายการบินแห่งชาติเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งในด้านรายได้ ต้นทุน และโครงสร้างองค์กรที่ถูกปรับใหม่ให้สอดรับกับสภาพตลาดการบินยุคใหม่

ขณะที่รายได้รวมในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2568 อยู่ที่ราว 45,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากความต้องการเดินทางระหว่างประเทศที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะเส้นทางหลักอย่างญี่ปุ่น จีน ยุโรป และออสเตรเลีย

ขณะเดียวกันในเรื่องของการฟื้นฟูของ"การบินไทย"ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมาจากการตัดสินใจลดเส้นทางที่ไม่ทำกำไร การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ และการบริหารฝูงบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนต่อเที่ยวบิน และเพิ่มรายได้ต่อที่นั่ง หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ การเน้นกลุ่มลูกค้าพรีเมียมและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง ซึ่งตอบโจทย์กับบริการของการบินไทยที่เน้นคุณภาพ ความหรูหรา และประสบการณ์ระดับสูงที่แตกต่างจากสายการบินต้นทุนต่ำ

ในแง่การเงินบริษัทฯได้ดำเนินมาตรการแปลงหนี้เป็นทุนในปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยลดภาระดอกเบี้ยและฟื้นสถานะทางการเงิน ทำให้มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจและการลงทุนในเทคโนโลยีการบินใหม่ เมื่อพิจารณาจากคำร้องขอพ้นแผนฟื้นฟูที่ยื่นต่อศาลคาดว่า หากไม่มีข้อโต้แย้งจากเจ้าหนี้หรือศาล การบินไทยจะสามารถกลับมาทำธุรกิจอย่างเสรีภายในปีนี้ และพร้อมสำหรับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง

"การบินไทย" เผยว่า สำหรับความคืบหน้าในการออกจากการฟื้นฟูกิจการ ภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และได้ดำเนินการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ส่งผลให้ บริษัทฯ ดำเนินการตามผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยศาลล้มละลายกลางกำหนดนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 9.00 น. โดยบริษัทฯจะแจ้งความคืบหน้าในขั้นตอนถัดไปให้ทราบต่อไป

ทั้งนี้ การคืนสู่กระดานเทรดของการบินไทยจะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของตลาดทุนไทยในรอบหลายปี เนื่องจากจะสะท้อนถึงศักยภาพในการพลิกฟื้นองค์กรขนาดใหญ่ของภาครัฐ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในหุ้นกลุ่มขนส่ง ในระยะกลาง สายการบินมีแผนรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ เช่น Airbus A350 และ Boeing 787 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน และลดต้นทุนเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักที่ยังคงผันผวนจากสถานการณ์ตลาดโลก

นอกจากนั้น "การบินไทย" ยังเตรียมขยายพันธมิตรกับสายการบินต่างประเทศผ่านกลุ่ม Star Alliance เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายเส้นทาง และยกระดับบริการในตลาดโลก ซึ่งเป็นการสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว

แม้จะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ "การบินไทย" ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะการแข่งขันจากสายการบินต้นทุนต่ำทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงต้นทุนคงที่ที่ยังสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งบางราย ด้านความยั่งยืน บริษัทฯได้ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนลง 25% ภายในปี 2573 ด้วยการนำเชื้อเพลิงชีวภาพมาใช้และวางระบบบริหารจัดการเที่ยวบินแบบอัจฉริยะ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่สายการบินทั่วโลกกำลังปรับตัวเข้าหา

ในสายตาของนักลงทุนและนักวิเคราะห์  "การบินไทย" ยังมีศักยภาพที่จะกลับมาเป็นหุ้นปันผลเด่น หากสามารถรักษาการเติบโตและการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องในอีก 2–3 ไตรมาสข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อพ้นแผนฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนควรติดตามรายละเอียดแผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจรวมถึงการออกหุ้นใหม่หรือการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและปรับโครงสร้างทุนในระยะยาว

ทั้งนี้ ความสำเร็จของ "การบินไทย" ในวันนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของผลกำไรหรือสถานะทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถขององค์กรไทยในการบริหารจัดการวิกฤตและกลับมายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง ท้ายที่สุด การคืนสู่ฟากฟ้าและคืนสู่กระดานเทรดของการบินไทย ไม่ใช่เพียงแค่การฟื้นตัวของบริษัทหนึ่ง แต่ยังเป็นการสร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับทั้งประเทศว่า ทุกวิกฤตมีทางออก หากมีการวางแผนและลงมืออย่างจริงจัง