20 มิถุนายน 2560 : นายเอเดรียน ไวสส์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารซิตี้แบงก์ ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอในช่วงที่เหลือของปีนี้ พร้อมประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในอัตรา 3.0% ในปีนี้ และ 3.3% ในปี 61 เนื่องจากการลดลงของอุปสรรคเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของกิจกรรมการลงทุน และอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยความเสี่ยงเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองและทางภูมิรัฐศาสตร์ ณ สิ้นเดือน พ.ค.60 ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น 10.5% ตั้งแต่ต้นปี โดยตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 17% ในขณะที่ตลาดพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกประมาณ 4-7% นอกจากนี้ ยังมีมุมมองว่า ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้อีก
เนื่องจากเศรษฐกิจและผลประกอบการยังคงเติบโตต่อเนื่อง ในส่วนของตลาดหุ้นยุโรป มองว่า มูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และมีปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัว เป็นโอกาสสำหรับเข้าลงทุนในตลาดยุโรป แม้ว่ายังมีความท้าทายในด้านการเมืองและด้านนโยบาย ส่วนของตลาดตราสารหนี้ ยังมีโอกาสเลือกลงทุนในตราสารหนี้เอกชนสหรัฐฯที่จัดอยู่ในระดับน่าลงทุน และตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
“ตลาดหุ้นหลักในภูมิภาค คาดว่าปีนี้จะมีผลประกอบการเติบโตในทางบวก ซึ่งเกิดขึ้นครั้งหลังสุดในปี 53 โดยเป็นผลจากการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันดิบ ความคืบหน้าใดๆ ในนโยบายของทรัมป์น่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นที่ได้รับอิทธิพลจากวัฏจักรเศรษฐกิจ (หุ้นกู้วัฏจักร) และตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนไม่ได้คาดหวังมาหนักกับปฏิรูปภาษีและมาตราการกระตุ้นทางการคลังของสหัฐฯ เศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นและการเติบโตของผลประกอบการปฎิรูปภาษีและมาตราการกระตุ้นทางการคลังของสหรัฐฯ เศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น และการเติบโตของผลประกอบการจะส่งผลทางบวกต่อกลุ่มหุ้นวัฏจักร ได้แก่ ภาคพลังาน การเงิน และเทคโนโลยี” นายเอเดรียน กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่า ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ ตลาดหุ้นยุโรป ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหุ้นวัฏจักร น่าจะมีอัตราผลประกอบการที่สูงถึงสองหลักในปีนี้ และดีกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเสร็จสิ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา 
