ประกันภัยปรับทัพรับทิศทางดอกเบี้ยติดดิน “สมพร” บอสใหญ่ทิพยประกันภัย ประเมินสถานการณ์ไว้แล้วหันลงทุนรูปแบบอื่นทดแทน ย้ำชัดทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส ส่วนทางประกันชีวิต อลิอันซ์ อยุธยา “พัชรา ทวีชัยวัฒนะ” เผยปรับขายสินค้าประเภทความคุ้มครองแทนออมทรัพย์มา 3 ปีแล้ว
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ 0% ว่า มีผลกระทบต่อการประกอบการของธุรกิจแน่นอน เพราะโดยธรรมชาติธุรกิจประกันภัย สร้างกำไรมาจาก 2 ด้าน คือกำไรจากการรับประกันภัย และกำไรจากการลงทุน ถ้ากำไรจากการลงทุนเป็นแบบนี้ เราไม่มีโอกาสสร้างกำไรจากการลงทุนชัดเจน ขณะที่ภาระผูกพันยังคงมีอยู่ แต่ธุรกิจประกันภัยยังมีผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจประกันชีวิตชัดเจน
ฉะนั้น ธุรกิจประกันภัยยังมีทางเลือก ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ เราต้องพิถีพิถันในการรับประกันภัย เป็นอย่างมาก เพื่อจะสร้างกำไรจากการรับประกันภัย ให้มาทดแทนหรือชดเชยกำไรจากการลงทุนให้ได้มากที่สุด และธุรกิจประกันภัยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะสั้นอยู่แล้ว เพราะเราต้องเตรียมความพร้อมของสภาพคล่องทางการเงินไว้ให้ดี ฉะนั้นการลงทุนของประกันภัยส่วนใหญ่เป็นระยะสั้น จึงมีโอกาสแก้ไขหรือแก้ตัวได้ และมีการเคลื่อนย้ายเงินไปลงทุนในเครื่องมือทางการเงินด้านอื่นได้ก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง
“ตอนนี้มีหุ้นจำนวนมากที่ราคาลงมาต่ำกว่าราคาที่แท้จริง เพราะฉะนั้นเงินจำนวนหนึ่งของการลงทุนอาจจะย้ายไปอยู่ในตลาดทุนได้บ้างแล้วเลือกซื้อหุ้นดีๆ ที่ราคาต่ำกว่า แล้วรอว่าเมื่อเศรษฐกิจดีแล้วราคาหุ้นเหล่านี้ก็จะกลับขึ้นไปก็จะเป็นโอกาสการลงทุนได้อีกรอบหนึ่ง”นายสมพรกล่าว
สำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยตนเชื่อว่า ไม่ได้ใช้เม็ดเงินโฟกัสไปที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพียงอย่างเดียว แต่การลงทุนของเรามีหลากหลายมาก ฉะนั้นการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ก็จะมาช่วยชดเชยรายได้จากการฝากเงินได้
ส่วนอัตราส่วนการลงทุนของ บมจ.ทิพยประกันภัยเองมีการลงทุนในหุ้นไม่ถึง 8% การลงทุนในเงินฝากประเภทต่างๆ ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งก็ฝากเพื่อแลกงานบ้าง ขณะเดียวกันมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนในตราสารต่างประเทศ และเริ่มมองหาการลงทุนประเภทอื่นๆ แทน เช่น ทองคำ และกองทุนทองคำอาจจะหันมาให้ความสนใจมากขึ้น รวมทั้งการลงทุนในต่างประเทศที่นอกเหนือจาก CLMV
“สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะเป็นทางเลือกใหม่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นวิกฤตที่เปลี่ยนมาเป็นโอกาส และบริษัทยังมีการตั้งทีมงานเข้ามาศึกษาด้านนี้อย่างจริงจัง และถึงแม้อัตราดอกเบี้ยในไทยจะลดต่ำลง แต่เครื่องมือทางการลงทุนอื่นๆ ยังมีอีกมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยสังเกตจากผลประกอบการของบริษัทฯไตรมาสแรกปี 2559 ทางด้านการลงทุนดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ฉะนั้นการวางแผนการลงทุนก็สอดคล้องกับสถานการณ์ บังเอิญเราโชคดีที่เดาสถานการณ์ถูก จึงส่งผลให้ผลประกอบการดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับประชาชนทั่วไป อาจจะต้องแบ่งเงินออกเป็น 2-3 ส่วน ส่วนหนึ่งกันไว้สำหรับจับจ่ายใช้สอย อีกส่วนหนึ่งเป็นการลงทุน และอีกส่วนเป็นเงินออม ซึ่งอาจจะต้องไปหาการลงทุนรูปแบบอื่น ที่จากเดิมเคยฝากเงินกินดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้ต้องมีการแสวงหาช่องทางการลงทุนต่างๆ มากขึ้นเช่นกัน
ทางด้าน นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) AZAY กล่าวว่า บริษัทฯ ทยอยปรับลดสัดส่วนการขายสินค้าออมทรัพย์มา 3 ปี แล้ว และหันมาขายประกันแบบคุ้มครองมากขึ้น โดยสัดส่วนลูกค้าทางด้านนี้เดิมมี 27% ปีต่อมาเพิ่มเป็น 33 และ ปีนี้ 35% และทิศทางก็จะเพิ่มสูงขึ้นได้เรื่อยๆ เพราะเป็นสินค้าที่อยู่ในความต้องการของตลาดอยู่แล้ว
ส่วนลูกค้าอีก 65% เป็นลูกค้าประเภทออมทรัพย์ ที่การันตีผลตอบแทน 1% ตามผลการดำเนินงานของบริษัท
ปัจจุบัน เทรนตลาดเปลี่ยน แปลงไป สินค้าที่เราเน้นมากก็จะเป็นสินค้าด้านความคุ้มครองเช่นกัน ทางด้านตัวแทนก็มีการจ่ายผลตอบแทนมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี เป้าหมายการดำเนินงานเบี้ยปีแรกไว้ที่ 31,000 ล้านบาท ก็ยังไม่มีการปรับเป้าหมาย และเบี้ยประกันรับปีแรก 6,100 ล้าบาท