1 ธันวาคม 2564 : นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยผลการดำเนินงานและความสำเร็จ ณ เดือนตุลาคม 2564 สามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้า NPL ไปแล้วจำนวน 54,899 ราย คิดเป็นมูลค่าตามบัญชี 341,448 ล้านบาท และจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย NPA ได้ทั้งสิ้น 10,496 รายการราคาประเมินทรัพย์ 51,914 ล้านบาทด้านการประมูลซื้อสินทรัพย์เพื่อเพิ่มขนาดพอร์ต SAMสามารถซื้อสินทรัพย์ได้ จำนวนรวมทั้งสิ้น 16,569 ราย มูลค่าตามบัญชี113,621 ล้านบาท
ขณะที่คลินิกแก้หนี้มีจำนวนลูกค้าที่ผ่านคุณสมบัติและสมัครเข้าโครงการได้รวมทั้งสิ้น68,071 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 5,163 ล้านบาท ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2543 SAMสามารถนำส่งเงินคืนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) ไปแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 255,000 ล้านบาท
นายธรัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่ารู้สึกยินดีที่ได้ก้าวเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เมื่อวันที่ 1มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา และภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ SAMองค์กรที่มีภารกิจยิ่งใหญ่และเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประเทศนับว่าเป็นความท้าทายที่สุดที่ได้เข้ามาบริหารงานในท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ประเทศกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คนจำนวนมากขาดรายได้และมีปัญหาการชำระหนี้
SAM ในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ภาครัฐจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่กำลังเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนควบคู่การสนองนโยบายและมาตรการภาครัฐด้วยการดำเนินงานเชิงรุกโดยยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้เป็นสำคัญสำหรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) SAMมีนโยบายมุ่งเน้นให้มีการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นอันดับแรกโดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เป็นสำคัญรวมถึงร่วมปรึกษาหารือให้ได้ข้อยุติภายใต้แนวทางที่เหมาะสมเพื่อให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติหรือดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยที่ผ่านมา SAM จัดโครงการ
“แบ่งเบาภาระลูกค้าในภาวะวิกฤตโควิดระบาด ระลอก 3 ”เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนพิเศษรวมทั้งนำเสนอทางเลือกที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้อย่างแท้จริง ปัจจุบัน SAM มีจำนวนลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 20,727 ราย มูลค่าตามบัญชี 354,320 ล้านบาท
ด้านการจำหน่ายทรัพย์สินทรัพย์สินรอการขาย (NPA) SAM มีนโยบายส่งเสริมให้เกิดการนำทรัพย์สินที่ทิ้งร้างมาสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อส่งคืนทรัพย์สินเหล่านี้กลับสู่ระบบและนำมาซึ่งความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมผ่านการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลายทั้งการประมูลและการเสนอซื้อโดยตรง รวมทั้งโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่น่าสนใจอีกมากมาย
ปัจจุบัน SAMมีทรัพย์สินรอการขายหลากหลายประเภทในทำเลดีทั่วไทยทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ที่ดินเปล่าและทรัพย์เพื่อการลงทุน ฯลฯ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น ประมาณ 4,000 รายการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท
นอกจากภารกิจดังกล่าวแล้ว ในปี 2560 SAMยังได้รับมอบหมายภารกิจเพิ่มเติมในการช่วยเหลือประชาชนรายย่อยประเภทลุกหนี้ที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิตบัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน (Non-Bank) รวมทั้งสิ้น 35 แห่งที่ค้างจ่ายหรือไม่ได้จ่ายหนี้บัตรเกินกว่า 90 วัน ภายใต้โครงการ “คลินิกแก้หนี้ by SAM”
โดยล่าสุด “คลินิกแก้หนี้ by SAM” ได้ขยายเกณฑ์คุณสมบัติผู้เป็นหนี้เสียที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการจากเดิม ที่ต้องมีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) ก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564เป็น ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2564 รวมทั้งมาตรการอื่นๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าที่เป็นหนี้เสียบัตรมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้แก่
1.การต่ออายุมาตรการยาแรงระยะที่ 3 “จ่ายเท่าที่ไหว”ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2564โดยลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1-2%(เงื่อนไขเป็นไปตามที่โครงการกำหนด) 2.การปรับเกณฑ์ด้านอายุจากเดิมไม่เกิน 65 ปีเป็นอายุ 70 ปี โดยนับรวมระยะเวลาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว และมาตรการที่3.การปรับอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 4-7% เป็นอัตราเดียว (Single Rate)ที่ 5%