WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม 2568 ติดต่อเรา
จัดพอร์ตให้ปัง กับ “DRx”

26 กันยายน 2565 : เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ DRx หรือ Fractional DR ที่ประเดิมด้วยสองหุ้นยักษ์ใหญ่เนื้อหอมสายเทคโนโลยีและเทรนด์โลกแห่งอนาคตัวแม่ระดับโลกอย่าง “Apple” และ “Tesla” พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 ก.ย. นี้

 

งานนี้ถือเป็นการเอาใจสายช็อปหน้าใหม่ที่เบี้ยน้อยหอยน้อยจริงๆ เพราะนักลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้โดยไม่จำเป็นต้องครบ 1 หน่วย DRx (เริ่มต้นที่ 0.0001 หน่วย) หรือซื้อขายเป็นจำนวนเงินบาท ทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการครอบครองหุ้นระดับโลก ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการทำกำไรไปพร้อมกับการกระจายความเสี่ยงไปในตัว

ตามคำแนะนำของเหล่าผู้เชี่ยวชาญการลงทุนที่มักย้ำนักย้ำหนาว่า การลงทุนแบบกระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง มีโอกาสทำพอร์ตลงทุนติดลบมากกว่าบวก โดยเฉพาะยุคที่เปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้สินทรัพย์ลงทุนที่เราคิดว่าเป็น "เพรช" กลับกลายเป็น"กรวด" เห็นได้ว่ามีหลายธุรกิจที่ล่มก่อนเวลาอันควร

ขณะที่อีกฝั่งก็เกิด "เพรชเม็ดใหม่" แถมมีความน่าสนใจกว่าเดิม โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพเก่งๆ รวมถึงธุรกิจที่มุ่งสู่เทรนด์โลกอนาคตและ ESG ที่เป็นดาวเด่นในขณะนี้ และตลาดหุ้นอเมริกา ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นยุโรป ต่างก็มีหลักทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับเทรนด์ดังกล่าวจำนวนมากให้เลือกลงทุน เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทยช่างน้อยนิด เมื่อตลาดหุ้นไทยมี DRx เข้ามาเพิ่ม นับว่าเป็นโอกาสดีในการทำกำไรและกระจายความเสี่ยงได้ด้วย

ขณะที่ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ "ภากร ปีตธวัชชัย" ประเมินถึงพฤติกรรมคนลงทุนที่เปลี่ยนไปต่อ DRx ว่า DRx ออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการลงทุนของผู้ลงทุนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเข้าถึงหุ้นชั้นนำในระดับโลกด้วยการลงทุนในจำนวนเงินที่ไม่มาก DRx เป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR (Depositary Receipt) ประเภทหนึ่งที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์เสมือนลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรง

ฝั่งแบงก์กรุงไทยในฐานะผู้ออกสินทรัพย์ลงทุนดังกล่าว กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือKTB "ผยง ศรีวณิช" กล่าวว่า Apple เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น Mac, iPhone, Apple Watch และ iPad มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากความสามารถในการสร้าง ecosystem ของตัวเอง ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานง่าย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ จึงขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ต่อเนื่อง และสามารถครองใจลูกค้าได้ยาวนาน

ขณะที่ Tesla เป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยปัจจุบันเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ที่สุดของโลก มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้การส่งมอบรถยนต์ทันต่อความต้องการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสร้างอัตรากำไรได้สูงถึง 25.3% ในปี 2564 และ 27.2% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 และมีเป้าหมายทะยานสู่ความยั่งยืนของโลกยุคใหม่

สำหรับนักลงทุนมือใหม่หลายคนอยากจะมีหุ้นระดับโลกทั้ง 2 ตัวนี้ติดพอร์ตกับเขาบ้าง ดังนั้น ก่อนเทรด DRx นักลงทุนควรมาทำความรู้จัก DRx ก่อนตัดสินใจกระโดดเข้ากระดาน สำหรับ DRx (Fractional Depositary Receipt) หรือ ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ถือว่าเป็นอีกหนึ่วทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นหรือหน่วยลงทุนต่างประเทศ ซึ่งมีข้อดีกว่า DR ทั่วไป ตรงที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้ตามเวลาของตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ และสามารถซื้อขายเป็นจำนวนเงินบาท หรือ จำนวนหน่วยก็ได้

ส่วนเรื่องของผลตอบแทนจากการลงทุนใน DRx นั้น กำไรมาจากส่วนต่างของราคา (Capital gain) ซึ่งจะได้รับเมื่อผู้ลงทุนขาย DRx ในราคาที่สูงกว่าราคาตอนที่ซื้อมา ส่วนเงินปันผล (Dividend) และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ผู้ถือ DRx มีโอกาสได้รับเงินปันผลหรือสิทธิประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์ต่างประเทศ หลังหักค่าใช้จ่ายของการดำเนินการ (ถ้ามี) ตามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดสิทธิไว้เช่นกัน

ทั้งนี้ การควบคุมการเคลื่อนไหวราคาของ DRx ช่วงการเคลื่อนไหวราคาสูงสุดต่ำสุดในแต่ละวันที่เรียกว่า ceiling กับ floor ของ DRx จะแตกต่างจากหุ้นทั่วไป หากเป็นหุ้นทั่วไปราคาจะขยับขึ้นลงได้ไม่เกิน 30% ของวันก่อนหน้า แต่สำหรับ DRx นั้น เนื่องจากราคาจะอ้างอิงกับหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ดังนั้น จึงใช้กลไกที่แตกต่างจากหุ้นอื่น ด้วยการกำหนดกรอบของราคาแทน โดยกำหนดให้เปลี่ยนแปลงได้ไม่เกิน 10% ของราคาเฉลี่ย 5 นาทีล่าสุด (ตามเงื่อนไขที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด) เมื่อราคาล่าสุดเปลี่ยนแปลงก็จะทำให้ราคาเฉลี่ยเปลี่ยนแปลง และกรอบของราคาก็จะเคลื่อนไหวตามไปด้วย ซึ่งเป็นแนวคิดที่เรียกว่า “Dynamic Price Band” เพื่อให้ DRx สามารถสะท้อนราคาหลักทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศได้สะดวกมากขึ้น

ขณะที่ราคาของ DRx ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่ 1. ราคาสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดต่างประเทศ 2.อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินบาท 3.อัตราส่วน DRx ต่อหลักทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับการกำหนดของผู้ออก (Issuer)

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP