WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม 2568 ติดต่อเรา
ทองคำยังไปต่อ!!

16 กันยายน 2568 : ในภาวะที่ตลาดการเงินทั่วโลกยังเผชิญกับความผันผวนจากหลายปัจจัย ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวในระดับสูง ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังตึงเครียด ทองคำจึงกลับมาเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในฐานะที่พึ่งปลอดภัยของนักลงทุน การถือทองคำในพอร์ตจึงกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม

แม้ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวตามทิศทางค่าเงินดอลลาร์และท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ในภาพรวมยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่น การลงทุนในทองคำช่วงนี้จึงอาจช่วยให้นักลงทุนรักษาสมดุลของพอร์ตท่ามกลางความไม่แน่นอน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการปรับฐานของตลาดหุ้นและพันธบัตร

การจัดสัดส่วนทองคำในพอร์ตไม่จำเป็นต้องมาก แต่เพียงพอที่จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและรักษามูลค่าในระยะยาว ซึ่งเหมาะทั้งกับนักลงทุนระมัดระวังและผู้ที่มองหาทางเลือกเพื่อเสริมเสถียรภาพของพอร์ต ท่ามกลางภาพเศรษฐกิจที่ยังเต็มไปด้วยคำถามและปัจจัยท้าทาย

ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด (Finnomena Funds) เปิดข้อมูลการลงทุนของ "Ray Dalio" ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates บริษัทบริหารเงินลงทุนขนาดใหญ่ของโลก ที่กล่าวที่งาน Abu Dhabi Finance Week เวทีสัมมนาด้านเศรษฐกิจและการเงินที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาว่า อยากแนะนำให้นักลงทุนถือทองคำในสัดส่วน 10-15% ของพอร์ตมองว่า ทองคำเป็นเหมือนโล่ป้องกันความเสี่ยง ด้วยจุดเด่นคือมักจะไม่มีความสัมพันธ์ (lack of correlation) กับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้น และตราสารหนี้ แปลว่าเมื่อสินทรัพย์อื่นตก ทองคำจะสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นในช่วงวิกฤต ทั้งนี้ "Ray Dalio" ยังคงย้ำเตือนถึงสัญญาณอันตรายของเศรษฐกิจโลกที่มีหนี้สินมหาศาล ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเพิ่มขึ้น

พร้อมกันนี้ Finnomena Funds เปิดข้อมูลการถือทองคำของประเทศไทย ที่ถือทองคำมากสุดติดอันดับ 7 ของโลก โดยทาง World Gold Council รายงานว่า ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน และสะสมทองคำติดอันดับ 7 ของโลกในปี 2024 โดยความต้องการทองคำปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยในปี 2021 มีความต้องการ 37 ตัน

  • ปี 2022 มีความต้องการ 38 ตัน
  • ปี 2023 มีความต้องการ 43 ตัน
  • ปี 2024 มีความต้องการ 49 ตัน

ส่วนในไตรมาส 2/2568 เพียงไตรมาสเดียว ความต้องการทองคำไทยพุ่ง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) อยู่ที่ 12 ตัน มากที่สุดในอาเซียน ขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศกลับมีแนวโน้มลดลง ปัจจัยสำคัญ คือ ความเชื่อของคนไทยที่มองทองคำเป็นสินทรัพย์เชิงปลอดภัยมาอย่ายาวนาน โดยใช้สำหรับการออมในระยะยาวและป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้วายแอลจี มองว่าภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ราคาทองคำจะสามารถทำระดับสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งและล่าสุดราคาทองคำได้ปรับขึ้นมาตามคาดการณ์ เชื่อว่าในไตรมาส 4/2568 ราคาทองคำจะยังเคลื่อนไหวในแดนบวก แม้ว่าจะมีการเทขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง

อย่างไรก็ดี หากมองถึงปัจจัยในหลากหลายด้าน ก็ยังมีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของทองคำในเชิงบวก โดยเฉพาะแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ล่าสุดตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เช่น ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐนั้นอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Jackson Hole ว่า “ความเสี่ยงด้านการจ้างงานกำลังเพิ่มขึ้น และภาษีศุลกากรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับราคาเพียงครั้งเดียว ความสมดุลของความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป อาจจำเป็นต้องปรับนโยบาย" ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นปัจจัยหนุนหลักต่อราคาทองคำ

นอกจากนี้ นโยบายทางการเงินของเฟดยังมีความเป็นไปได้ที่สูงขึ้น ว่าจะมีจุดยืนที่ผ่อนคลาย (Dovish stance) มากขึ้น นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ มีความพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกดดัน เจอโรม พาวเวล ให้รีบทำการปรับลดดอกเบี้ยลงและลาออกจากประธานเฟด รวมไปถึงการสั่งปลด ลิซ่า คุก หนึ่งในผู้ว่าการเฟด ซึ่งนับเป็นการเข้าแทรกแซงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นตลอด 111 ปีที่ผ่านมา

แต่ทางด้าน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังออกมาปกป้องการกระทำดังกล่าวของโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้ง ยังมีความพยายามที่จะส่งคนสนิทอย่าง สตีเฟน มิแรน เข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟด แทนที่ อาเดรียนา คูเกลอร์ ที่ลาออกไปในช่วงก่อนหน้านี้

ในปีนี้วายแอลจีได้ให้เป้าหมายราคาทองคำไว้ที่โซน 3,500 - 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาจะทดสอบเป้าหมายแรกที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปแล้วถึงสองครั้ง อย่างไรก็ดี หากสามารถยืนแล้วไปต่อได้พร้อมปัจจัยพื้นฐานเข้ามาสนับสนุน จะมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ

สำหรับคำแนะนำการลงทุนทองคำ ในระยะสั้นมองว่าทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 3,437-3,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบแนวต้าน 3,508-3,540 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ มองว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 52,500-54,100 บาทต่อบาททองคำ ล่าสุด 55,300 (วันที่ 16 ก.ย.68) (คำนวณจากค่าเงินบาทระดับ 33.24 บาทต่อดอลลาร์) ปัจจุบัน ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สแนะนำเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด

เศรษฐกิจ ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP