WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 ติดต่อเรา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังคงขยายตัวได้ 3.3% การลงทุนภาครัฐอัด!! ท่องเที่ยวหนุน..ไปโล้ด##

30 มีนาคม 2560 : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงจีดีพีไทยปีนี้โต 3.3% มองการเบิกจ่ายการลงทุนภาครัฐ-เอกชน-ท่องเที่ยวหนุน ปรับประมาณการณ์ส่งออกปีนี้ใหม่เป็น 2% จากเดิม 0.8%

ดร.เชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังคงขยายตัวได้ 3.3% จากปี 59 ที่ขยายตัวไป 3.2% โดยครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีกว่าในครึ่งปีแรก โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ คือ ฐานปี 59 ที่สูงในช่วงครึ่งปีแรกจากการขยายตัวสูงของการบริโภคเอกชน เม็ดเงินเบิกจ่ายโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงงบกลางปี 60 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/60 การท่องเที่ยวจะทยอยฟื้นตัวในไตรมาส 2/60 จากสัญญาณนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มกลับมา ความเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ และ การเมืองในยุโรปกระทบการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดในสินค้าศักยภาพบางรายการ เช่น อาหาร และ ชิ้นส่วนยานยนต์ และ ผลของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลต่อเงินเฟ้อน้อยกว่าที่คาด

โลโก้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังการใช้จ่ายภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยการเบิกจ่ายเงินลวทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ประมูลแล้วประกอบกับงบกลางปี 60 ที่คาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะทยอยมีมากขึ้นในครึ่งปีหลังตามการลงทุนภาครัฐ เช่น การก่อสร้างอสังหาฯ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนฯ มาตรการลดหย่อนภาษี และ การท่องเที่ยวน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง หลังนักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นตัว ตลาดรัสเซียโตต่อเนื่องชดเชยผลกระทบจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียในเชิงรายได้

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจหลักของโลกปีนี้เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาจากเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่ยุโรป ญี่ปุ่น และ จีนชะลอลงเล็กน้อย โดยความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ และ การเมืองในสหภาพยุโรปส่งผลให้นักลงทุนรอความชัดเจน

ในขณะที่การลงทุนรวมศูนย์วิจัยฯได้ปรับประมาณการณ์ใหม่ที่ 3% จากเดิม 4.4% โดยแบ่งเป็นการลงทุนภาคเอกชนปรับลงเหลือ 1.5% จากเดิม 2.8% หลังนโยบายสหรัฐ และ การเมืองยุโรปส่งปลต่อการชะลอการลงทุน ส่วนการลงทุนภาครัฐยังคงประมาณการณ์เดิมที่ 8.5%

ส่วนการส่งออกปีนี้ศูนย์วิจัยฯได้ปรับประมาณการณ์ใหม่เป็น 2% จากเดิม 0.8% หลังตลาดส่งออกสำคัญของไทยปรับตัวดีขึ้น และ ปริมาณความต้องการสินค้าไทยสูงขึ้น แต่เป็นปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น ส่วนนำเข้าปีนี้ศูนย์วิจัยฯได้ปรับประมาณการณ์ใหม่เป็น 5% จากเดิม 2% แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลในเรื่อง Terms of trade ที่ลดลงสวนทางกับดัชนีค่าเงินบาท โดยเป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้

KR_1_2560

ทางด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ ศูนย์วิจัยฯได้ปรับประมาณการณ์ใหม่เป็น 1.5% จากเดิม 1.8% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันส่งผลต่อเงินเฟ้อน้อยกว่าที่คาด โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแรงกดดันให้ลดลงในระยะข้างหน้าจากการเพิ่มการผลิตของ Shale oil ในสหรัฐ และ การส่งผ่านต้นทุนราคาน้ำมันไปยังสินค้าและบริการอื่นๆน้อยกว่าที่ประเมินจากเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับต่ำ โดยยังคงประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้ที่ 50 เหรียญต่อบาร์เรล

ด้านภาคการเงินนั้น ศูนย์วิจัยฯ ประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐยังเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงิน แต่จังหวะของการขึ้นดอกเบี้ยอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ ซึ่งเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งในปีนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยตลาดทั้งสหรัฐ และ ไทยจะทยอยปรับขึ้นตามเฟด แม้สัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟดจะหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้นต่อเนื่อง แต่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะยังทรงตัวที่ 1.5% ตลอดช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าเพื่อช่วยประคองทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวอาจมีผลต่อเนื่องต่อทิศทางสภาพคล่องในระบบ โดยสภาพคล่องของธนาคารขนาดกลาง-เล็กเริ่มมีสัญญาณตึงตัวขึ้น โดยจะเห็นการแข่งขันด้านราคาของผลิตภัณฑ์เงินฝากชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง

ในขณะที่สินเชื่อรวมเริ่มเห็นเมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลัง โดยครึ่งปีแรกสินเชื่อยังไม่มีการเร่งตัวที่ชัดเจน ซึ่งปัจจัยลยมาจากปัจจัยเชิงฤดูกาลจากการชำระคืนสินเชื่อในไตรมาสแรก โดยครึ่งปีหลังสินเชื่อจะขยับขึ้นหลังความต้องการสินเชื่อธุรกิจเพิ่มขึ้นหลังธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วนปรับจากการกู้ผ่านตลาดตราสารหนี้มาเป็นสินเชื่อ ขณะเดียวกันต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นยังหนุนความต้องการสินเชื่อเพิ่มเติม และ ยังเป็นฤดูกาลของการเบิกใช้สินเชื่อ logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

เศรษฐกิจ ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP