3 สิงหาคม 2560 : นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือในการผลักดันให้ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไปที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าว เช่น แม่บ้าน, ลูกจ้างตามร้านค้าแผงลอย มาแสดงเจตจำนงในการขอใช้แรงงานต่างด้าวตามที่ระยะเวลากฎหมายกำหนด
“ขอเตือนนายจ้างหรือใครก็ตามที่ใช้แรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย หรือมีเอกสารอนุญาตทำงานที่ยังไม่ถูกต้อง ให้รีบมาทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 ส.ค. ถ้าใครไม่มาขึ้นทะเบียน เชื่อว่ารัฐบาลคงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด” นายพจน์ กล่าว
พร้อมระบุว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงานมีความตั้งใจที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาแรงงานของประเทศไทยอย่างบูรณาการ และพัฒนาแรงงานของประเทศไทยในทุกรูปแบบ ซึ่งคาดหวังว่าในปี 61 รายงานประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เรื่อง สถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) จะดีขึ้นตามลำดับ
นายสมบัติ นิเวศรัตน์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า หลังจากกฎหมายแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ กระทรวงแรงงานได้เปิดศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ มี 11 ศูนย์ โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.-3 ส.ค. พบว่ามีนายจ้างมายื่นคำขอแล้ว 113,374 ราย โดยมายื่นที่ศูนย์ฯ 104,415 ราย และลงทะเบียนออนไลน์ 8,959 ราย เป็นลูกจ้างต่างด้าว 396,390 คน แยกเป็นกัมพูชา 107,504 คน, ลาว 54,144 คน, เมียนมา 234,742 คน
ทั้งนี้ ประเภทกิจการที่มีการยื่นคำขอสูงสุด 5 อันดับแรก คือ เกษตรและปศุสัตว์ 91,570 คน รองลงมาคือ กิจการก่อสร้าง 77,917 คน, จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 36,667 คน, การให้บริการต่างๆ 28,983 คน และกิจการต่อเนื่องจากเกษตร 25,268 คน โดยจังหวัดที่มีมาแจ้งมากที่สุด 5 อันดับ คือ กรุงเทพฯ 84,957 คน รองลงมาคือ สมุทรปราการ 22,974 คน,ระยอง 19,821 คน, ปทุมธานี 19,571 คน และเชียงใหม่ 16,325 คน
ดังนั้น ขอให้นายจ้างหรือผู้ใดที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีเอกสารแสดงตน และเอกสารอนุญาตการทำงานอยู่ในปัจจุบันให้รีบมาดำเนินการตามที่กำหนด และย้ำว่าการดำเนินการในรอบนี้ ไม่ใช่เป็นการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่เหมือนเช่นกลุ่มบัตรสีชมพูที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายเปิดจดทะเบียนรอบใหม่แต่อย่างใด รวมทั้งจะไม่มีการขยายระยะเวลาออกไปจากวันที่ 7 ส.ค.นี้