26 มิถุนายน 2562 : ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารฯ ได้ลงทุนถือหุ้นใน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด หรือ ASL ในสัดส่วน 25% ของทุนจดทะเบียน 696 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารออมสินสามารถร่วมกำหนดนโยบายในการดำเนินธุรกิจของ ASL ให้สอดคล้องกับทิศทางของธนาคารออมสินได้ในอนาคต โดยได้จัดทำแผนดำเนินธุรกิจร่วมกันตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือ “การดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ร่วมกัน”
“ปี 2562 ธนาคารออมสินมียุทธศาสตร์การพัฒนาและยกระดับสู่การเป็น Digital Banking ซึ่งมีแผนสร้างและพัฒนา New Business Model ร่วมกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ในรูปแบบดิจิทัล ดังนั้นการลงทุนและร่วมมือกับ ASL จะทำให้สามารถนำระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ของ ASL มาผนวกกับ Digital Platform ของธนาคารออมสิน เพื่อสนับสนุนการเป็น Digital Banking โดยคาดว่าจะเริ่มปลายปีนี้หรือต้นปี 2563” นายชาติชาย กล่าว
ส่วนสัดส่วนการลงทุนของธนาคารออมสินในปัจจุบัน ถือหุ้นกับ บมจ.ทิพยประกันชีวิต 25% บมจ.ทิพยประกันภัย 11% ธนชาต 25% MFC 24.9% และล่าสุด บล.เอเอสแอล 25% โดยภายหลังจากความร่วมมือดังกล่าว มีเป้าหมายจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
สำหรับ MOU ฉบับดังกล่าว ได้กำหนดขอบเขตความร่วมมือ โดยธนาคารฯ และ ASL จะร่วมกันศึกษาแนวทาง และความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจ เพิ่มช่องทางการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน Platform ของธนาคาร เพื่อให้ลูกค้าทั้งลูกค้ารายย่อย ลูกค้ารายใหญ่ และลูกค้าสถาบัน สามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าของทั้งธนาคารออมสินและ ASL นั้น เป็นกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน (ASL เน้นลูกค้ากลุ่ม Medium to Low) จึงทำให้ธนาคารฯ สามารถขยายผลิตภัณฑ์ด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ไปยังกลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้
โดยจะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่นอกเหนือไปจากผลิตภัณฑ์ประเภทเงินฝาก สลากออมสิน และกองทุนรวมที่ประชาชนคุ้นเคย โดยนำเสนอผ่านช่องทาง Online ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อสนับสนุนการเข้าสู่ตลาดทุนของนักลงทุนรายย่อย อันจะเป็นส่วนช่วยพัฒนาการเติบโตของตลาดทุนไทยต่อไป ขณะที่พนักงานของทั้ง 2 หน่วยงานจะได้รับการพัฒนาจากการอบรมความรู้ในธุรกิจ โดยธนาคารออมสินกำหนดเป้าหมาย Banker to Broker ให้พนักงานธนาคารออมสินสามารถนำเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนในหลักทรัพย์ให้ลูกค้าได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมอีกช่องทางหนึ่ง
“ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของธนาคารอายุ 30 ปีขึ้นไปมีประมาณ 70% ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความพร้อมที่จะลงทุน และกลุ่มระดับบนมีประมาณ 1,000 คน รวมถึงมีพนักงานที่ได้รับใบอนุญาตขายกองทุนแล้วจำนวนกว่า 3,000 คน ทั่วประเทศที่พร้อมให้การบริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สำหรับสัดส่วนค่าธรรมเนียมที่ธนาคารได้รับนั้นแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ รายได้จากแบงก์แอสชัวรันส์ 20% ของรายได้จาก 7,000 ล้านบาท รองลงมา เป็นรายได้จากบัตรเดบิต และรายได้ค่าธรรมเนียมด้านสินเชื่อ”ดร.ชาติชาย กล่าว
นายชาญชัย กุลถาวรากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีธนาคารออมสินเข้ามาถือหุ้นร้อยละ 25 ซึ่งจากการเข้าร่วมทุนในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินบนออนไลน์ร่วมกัน ทั้งด้านการเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นของทั้งฝ่าย รวมถึงฟังก์ชั่นในการบริการด้านหลักทรัพย์ต่างๆ ที่ครบวงจร ซึ่งในอนาคตลูกค้าที่มาใช้บริการผ่านธนาคารออมสินสามารถเข้าถึงธุรกรรมหลักทรัพย์บนแอปพลิเคชั่นของธนาคารฯ ได้
อีกทั้ง การขยายตัวผ่านธนาคารออมสินเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดเนื่องจาก ปัจจุบันธนาคารออมสินมีสาขาถึง 1,116 สาขา และมีพนักงานที่มีใบอนุญาตมากกว่า 1,500 คน ซึ่งหากขยายตัวผ่านทางสาขาของธนาคาร จะทำให้บริษัทนั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะเห็นได้จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2015 ที่เอเอสแอลเริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ตัวเลขของนักลงทุนที่ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 6 แสนบัญชี