5 กันยายน 2562 : นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังจากที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในพื้นที่ 7 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 100 คน ได้เข้าพบ และยื่นหนังสือร้องเรียนถึงปัญหาที่การขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบ เป็น 40% ส่งผลให้มีการตัดโควตารับซื้อใบยาสูบลง 50% เป็นเวลา 2 ปี หลังจากที่ พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต 2560 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม ปี 2562 ว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เร่งดำเนินการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่
โดยการหาแนวทางเพิ่มรายได้ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพการยาสูบแห่งประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาที่จะนำใบยาสูบไปหาคุณสมบัติพิเศษที่เป็นประโยชน์ในทางการแพทย์ เช่น ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช นิโคตินเหลว และ ปุ๋ย เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับใบยาสูบของไทยในอนาคต
ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาแนวทางความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ ที่มีการวิจัยและพัฒนา สกัดสารเคมีจากใบยาสูบเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การทำตลาดให้กับใบยาสูบได้อีกช่องทางหนึ่ง เพื่อการปรับตัวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง ตามกฎการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้กรอบข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO)
สำหรับข้อเสนอของเกษตรกรในด้านการพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการขึ้นภาษีให้เกิดความเหมาะสม หรือ เป็นแบบขั้นบันใด โดยขอให้ปรับปีละ 5% ทุกๆ 2 ปี นั้น ในเรื่องดังกล่าวคงต้องนำไปหารือกับกรมสรรพสามิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะไปช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชอื่นๆแทนอย่างเป็นระบบ ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับเกษตรกร ถึงสาเหตุที่มีการปรับภาษีเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นไปตามกติกาการค้าระหว่างประเทศ ที่ไทยได้ทำข้อตกลงไว้ รวมถึงเป็นการรณรงค์ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่เพื่อการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนด้านสุขอนามัยให้เพิ่มขึ้นด้วย ![]()












