WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม 2568 ติดต่อเรา
ลงทุนอย่างไร… เมื่อเศรษฐกิจโตช้าและตลาดหุ้นยังไม่ฟื้น?

20 พฤษภาคม 2568 : ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยยังเติบโตช้าต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี นักลงทุนจำนวนไม่น้อยต่างตั้งคำถามว่า “ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นเมื่อไร” และ “ยังควรลงทุนอยู่หรือไม่” คำตอบเหล่านี้ไม่ง่าย… เพื่อให้นักลงทุนเดินทางสู่การลงทุนเข้าใจบริบทที่เกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ได้ชี้แนะแนวทางที่น่าสนใจในการวางกลยุทธ์รับมือความไม่แน่นอนที่ยังคงกดดันตลาดในปีนี้

เศรษฐกิจโตช้า ฉุดกำไร ธุรกิจบริษัทจดทะเบียน(บจ.)และดัชนีหุ้นไทย โดย ชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ กรรมการผู้จัดการ สายบริหารกองทุนของ BBLAM ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเติบโตต่ำและไม่สม่ำเสมอ ส่งผลต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET EPS) ที่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ จึงไม่แปลกที่ดัชนี SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways มาอย่างยาวนาน

แม้ในบางช่วงที่ผ่านมา บจ. ไทยสามารถทำกำไรได้ดีจากปัจจัยหนุนชั่วคราว เช่น อัตราดอกเบี้ยต่ำ และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่ในระยะยาว เศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่ถูกแก้ไข เช่น ทักษะแรงงานที่ล้าหลัง การลงทุนด้านวิจัยและนวัตกรรมที่ยังต่ำ และจำนวนสิทธิบัตรใหม่ที่ยังน้อยเกินไป

จุดแข็งยังมี... แต่ยังไม่เพียงพอต่อการดึงเศรษฐกิจให้พ้นแรงเฉื่อย โดยไทยยังคงมีจุดแข็งด้านเสถียรภาพทางการเงิน โดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงเกือบ 44% ของ GDP และธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังคงบริหารนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังหลังวิกฤตปี 2540 แต่จุดอ่อนที่ยังคงฝังรากลึก คือ โครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาต่างประเทศสูง ทั้งด้านการส่งออก FDI และการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้ไทยเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงข้อจำกัดเชิงนโยบายภายใน เช่น การปล่อยกู้ที่ยังไม่ไหลลื่นของธนาคารพาณิชย์ และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นจากนโยบายดอกเบี้ยต่ำระยะยาว

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีโครงสร้างที่อิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจสูง หุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และปิโตรเคมี ซึ่งอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ปัจจัยภายนอกยังเป็นความเสี่ยง โดยสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดย BBLAM ประเมินว่าอาจกด GDP ลงราว 1% ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจโตเพียง 2% เท่านั้น และส่งผลต่อการเติบโตของกำไร บจ. อย่างชัดเจน

ทาง BBLAM มองตลาดหุ้นไทย Sideways แนะปรับพอร์ตด้วย 4 แนวทาง ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน "เมธา พีรวุฒิ รองกรรมการผู้จัดการ BBLAM" มีมุมมองและกลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุน โดยมองว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยประเมินเป้าหมาย SET Index ปีนี้อยู่ที่ 1,250–1,300 จุด โดยการฟื้นตัวของตลาดยังขึ้นกับปัจจัยเฉพาะ เช่น โครงการ Entertainment Complex และการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (OCA)

ในภาวะที่ความไม่แน่นอนยังสูง BBLAM แนะนำให้ปรับพอร์ตลงทุน โดยเพิ่มเงินสดในพอร์ตประมาณ 10% และกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหุ้นหลายกลุ่ม พร้อมยึด 4 กลุ่มหลักในการเลือกหุ้น ได้แก่

  1.  หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง (Defensive) บริษัทที่มี Free Cash Flow แข็งแกร่ง โมเดลธุรกิจชัดเจน
  2. หุ้นตาม Mega Themes หรือนโยบายรัฐ  หุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน หรือได้ประโยชน์จาก Energy Transition
  3. Tactical Play จากดอกเบี้ยขาลง  หุ้นที่มีฐานะการเงินดี และได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง
  4. หุ้น Undervalued ที่มีโอกาสฟื้น  หุ้นที่มี P/B ต่ำ และมีโอกาสดีขึ้นหากเศรษฐกิจฟื้น

ส่วนคำแนะนำกองทุน แนะนำกองทุน ESGX Series  เน้นยั่งยืน ปันผลดี ค่าธรรมเนียมต่ำ โดยในช่วงตลาดผันผวนสูง BBLAM แนะนำกองทุนในกลุ่ม ESGX Series ที่เน้นความยั่งยืนและมีค่าธรรมเนียมต่ำ เช่น

  • กองทุนBMDIV-TESGX ลงทุนหุ้นยั่งยืนไม่เกิน 70% เน้นหุ้นปันผลดี ราคาไม่ผันผวน สภาพคล่องสูง
  • กองทุนBM70-TESGX  ลงทุนในหุ้นเติบโตที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง
  • กองทุนBEQD-TESGX ลงทุนหุ้นยั่งยืนอย่างเต็มที่ เปิดกว้างด้านกลยุทธ์และนโยบาย

ดังนั้น แม้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน แต่ BBLAM มองว่ายังมีโอกาสการลงทุนในหุ้นที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และสอดคล้องกับธีมใหญ่ในระยะยาว นักลงทุนควรเน้นกระจายพอร์ต ถือเงินสดบางส่วน และใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นอย่างระมัดระวัง พร้อมเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเศรษฐกิจในอนาคต 

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP