WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม 2568 ติดต่อเรา
เมื่อดอกเบี้ยไทยขาลงช่วงครึ่งปีหลัง..

14 สิงหาคม 2568 : ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 1.50 ต่อปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากเงินเฟ้อชะลอตัวและเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป อัตราดอกเบี้ยขาลงจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนและผู้ประกอบการกำลังจับตามอง

ผลดี ที่เด่นชัดจากดอกเบี้ยขาลง คือ ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนจะลดลง ทำให้บริษัทสามารถกู้เงินลงทุน ขยายกิจการ หรือปรับโครงสร้างหนี้ได้ง่ายขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคจะมีภาระดอกเบี้ยผ่อนบ้านหรือสินเชื่อต่างๆ ลดลง ส่งผลให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจโดยรวม

นอกจากนี้ ดอกเบี้ยที่ต่ำลงยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจของสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวม เนื่องจากผลตอบแทนจากการฝากเงินลดลง นักลงทุนจึงมีแรงจูงใจหันมาหาโอกาสในตลาดทุนมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยและสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ผลเสีย ของดอกเบี้ยขาลงก็มีเช่นกัน โดยเฉพาะต่อผู้ฝากเงินที่อาจได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากลดลง และในบางกรณีอาจกระตุ้นให้เกิดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นเกินความสามารถในการชำระ นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาท หากต่างชาติถอนเงินลงทุนเพื่อลงทุนในประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ส่วนทางด้านนักลงทุน ในภาวะดอกเบี้ยขาลงควรเตรียมปรับพอร์ตไปยังสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก เช่น หุ้นกลุ่มรับอานิสงส์จากต้นทุนการเงินที่ต่ำลง (อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง ค้าปลีก) และตราสารหนี้ระยะยาวที่ราคามีโอกาสปรับขึ้นเมื่ออัตราผลตอบแทนลดลง

ในขณะที่ผู้ประกอบการ จะได้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้การขยายธุรกิจหรือเริ่มโครงการใหม่เป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่น พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสในการรีไฟแนนซ์หนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน

ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ ดอกเบี้ยขาลงจะกดดัน NIM (Net Interest Margin) เนื่องจากรายได้จากดอกเบี้ยสินเชื่อลดลงเร็วกว่าต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝาก โดยเฉพาะธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อระยะยาวหรือสินเชื่อดอกเบี้ยคงที่สูง การรักษาผลกำไรอาจต้องอาศัยการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมให้มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากการลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ปริมาณการปล่อยสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจชดเชยรายได้ที่หายไปจากส่วนต่างดอกเบี้ย การแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์การเงินและสินเชื่อเพื่อดึงลูกค้าใหม่จึงอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 อย่างเป็นรูปธรรม

ธนาคารยังสามารถใช้โอกาสนี้พัฒนาสินเชื่อใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการในภาวะดอกเบี้ยต่ำ เช่น สินเชื่อเพื่อการลงทุนระยะยาว สินเชื่อรีไฟแนนซ์ และผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษที่ให้สิทธิประโยชน์อื่นนอกเหนือจากดอกเบี้ย เพื่อรักษาฐานเงินฝากและความสัมพันธ์กับลูกค้า

สำหรับเศรษฐกิจไทยโดยรวม ดอกเบี้ยขาลงในครึ่งปีหลังมีศักยภาพช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุน และการฟื้นตัวของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคในภาพรวม

ดังนั้น ดอกเบี้ยขาลงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย หากใช้ให้ถูกจังหวะจะช่วยเร่งเครื่องเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ผู้ประกอบการ นักลงทุน และธนาคารต้องเตรียมกลยุทธ์รองรับทั้งในด้านการบริหารต้นทุน ผลตอบแทน และความเสี่ยง เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยต่ำได้สูงสุด

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP