WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 18 พฤษภาคม 2568 ติดต่อเรา
คปภ. ผนึกกำลังจังหวัดปราจีนบุรี ภาคธุรกิจประกันภัย ทีดีอาร์ไอ จัดงาน “ปราจีน ยืนหนึ่งถนนปลอดภัย อุ่นใจด้วยการประกันภัย”

จังหวัดปราจีนบุรี, 22 เมษายน 2568 : สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จังหวัดปราจีนบุรี ภาคธุรกิจประกันภัย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดงาน “ปราจีน ยืนหนึ่ง ถนนปลอดภัย อุ่นใจด้วยการประกันภัย” ภายใต้โครงการสร้างพื้นที่ต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนและการรณรงค์ประกันภัยรถภาคบังคับ ปี 2568

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)กล่าววิสัยทัศน์ในหัวข้อ "คปภ. กับบทบาทเชิงรุก : ส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนควบคู่การประกันภัย” ว่า โครงการสร้างพื้นที่ต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนและการรณรงค์ประกันภัยรถภาคบังคับ ปี 2568 เป็นมิติใหม่ในการดำเนินโครงการของสำนักงาน คปภ. เนื่องจากอัตราการเกิดอุบัติเหตุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี

โดยค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนเฉลี่ยสูงถึง 14,000 รายต่อปี ซึ่งนอกจากจะสร้างความสูญเสียในระดับครอบครัวแล้ว ยังส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ “กลุ่มผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บส่วนใหญ่คือวัยแรงงานอายุ 36-60 ปี ซึ่งเป็นกำลังหลักของครอบครัว และมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การสูญเสียจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่สถิติ แต่มันคือการสูญเสียโอกาสในการพัฒนาในระยะยาว” พร้อมเน้นย้ำว่าการมีประกันภัยรถภาคบังคับช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อต้องเผชิญอุบัติเหตุ โดยกฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 504,000 บาทต่อราย

อย่างไรก็ตาม จากสถิติพบว่ามีเพียงร้อยละ 79.97 ของรถ จดทะเบียนเท่านั้นที่จัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ โดยเฉพาะในกลุ่มรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีอัตราการทำประกันภัยเพียงร้อยละ 68.51 เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้น ผลกระทบไม่ได้จบที่ผู้ประสบเหตุ แต่ยังลุกลามไปถึงครอบครัวที่ต้องรับภาระหนี้สิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การมีระบบประกันภัยที่ครอบคลุมจึงเป็นแนวทางที่สำคัญในการเยียวยา ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงความคุ้มครองอย่างรวดเร็ว เป็นธรรม และลดผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ยืนยันที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุกต่อเนื่อง ทั้งด้านการสร้างความรู้ความเข้าใจ ส่งเสริมวินัยจราจร และเพิ่มการเข้าถึงระบบประกันภัยให้ครอบคลุม ทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในสังคมไทย

ด้านนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ศักยภาพจังหวัดปราจีน เมืองต้นแบบ Road Safety” ว่า จังหวัดปราจีนบุรีสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้ตามเป้าหมายของแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์อุบัติเหตุใหญ่บนเส้นทางเสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา ยังคงสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการด้านความปลอดภัยต้องได้รับการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง การได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ ไม่ใช่เพียงโอกาส แต่คือความรับผิดชอบที่ต้องเดินหน้าขับเคลื่อนอย่างจริงจัง โดยความปลอดภัยทางถนนนั้น ไม่ได้หยุดอยู่แค่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ต้องครอบคลุมทั้งการ สร้างวินัยจราจร การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น การแก้ไขพฤติกรรมเสี่ยง และสร้างความตระหนักรู้ในสังคม รวมถึงความเข้าใจเรื่องประกันภัย ที่จะช่วยเยียวยาความสูญเสียและสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้ประชาชน

“เราต้องส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงประกันภัยรถภาคบังคับอย่างทั่วถึง เพราะเป็นหลักประกันความมั่นคงที่จำเป็นและช่วยแบ่งเบาภาระที่เกิดจากความสูญเสียให้กับทุกคนได้ตั้งเป้าสร้าง “พื้นที่ต้นแบบความปลอดภัยทางถนน” เน้นวางรากฐานแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ควบคู่การส่งเสริมประกันภัยรถภาคบังคับ ลดความสูญเสีย ประชาชนได้รับประโยชน์ตรงจุด สำนักงาน คปภ. เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ สร้างพื้นที่ต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนและการรณรงค์ประกันภัยรถภาคบังคับอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการวางรากฐานเพื่อพัฒนาแนวทางลดอุบัติเหตุที่สามารถขยายผลสู่พื้นที่อื่น ๆ ได้ในระยะยาว" นายวีระพันธ์ กล่าว

ดร.สุเมธ องกิตติกุล กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพยายามลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรภายในปี 2570 แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาไทยยังไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าเป้าที่วางไว้ถึง ร้อยละ 125 ขณะเดียวกันยังมีความท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์ ดังนั้น การกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ขี่รถจักรยานยนต์จึงเป็นจุดเน้นสำคัญของประเทศ รวมถึงจังหวัดปราจีนบุรีด้วยเช่นกัน โดยจังหวัดปราจีนบุรี มีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 78.16 จากอุบัติเหตุทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 1 ใน 3 เป็นเยาวชน และผู้สูงอายุ

โดยได้เปิดเผยผลการวิเคราะห์ จุดเสี่ยงในจังหวัดปราจีนบุรี พบว่ามี 3 อำเภอที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นสูง คือ อำเภอเมือง อำเภอศรีมโหสถ และอำเภอศรีมหาโพธิ โดยเฉพาะบริเวณสวนอุตสาหกรรม 304 และทางหลวงหมายเลข 304 โดยระหว่างปี 2562 - 2567 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนถนน 304 ถึง 711 ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณตอนที่ 0403 สี่แยกกบินทร์บุรี - วังน้ำเขียวมากที่สุดถึง 550 ครั้ง หรือคิดเป็น ร้อยละ 77.4 ของอุบัติเหตุบนถนน 304 ทั้งหมด ซึ่งมีผู้เสียชีวิตสะสมถึง 70 ราย บาดเจ็บกว่า 400 คน เนื่องจากสภาพพื้นที่มีลักษณะผ่านชุมชน และนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งภูมิประเทศเป็นทางชัน

นอกจากนี้ ยังมีช่วงกิโลเมตรที่ 209 - 211 หรือบริเวณศาลเจ้าพ่อปู่โทน ซึ่งเป็นระยะที่มีความชันมากที่สุดในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี และที่ผ่านมามักเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในบริเวณนี้ โดยสถิติพบว่ามีอุบัติเหตุคิดเป็นร้อยละ 32.5 ของอุบัติเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนถนนสาย 304 เสนอบังคับใช้กฎหมาย ออกมาตรการลดเสี่ยง พร้อมหนุนทำประกันภัยภาคบังคับ เผยมีจักรยานยนต์มากกว่า 7.3 ล้านคัน ไม่ทำประกันภัยภาคบังคับ

ดร.สุเมธ องกิตติกุล ยังระบุถึงมาตรการในการแก้ปัญหาว่า ควรเน้นการบังคับใช้กฎหมาย และส่งเสริมมาตรการลดความเสี่ยง เช่น การจับความเร็ว การส่งเสริมการใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมทั้งการปรับปรุงกายภาพ รวมทั้งจะต้องหามาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมซึ่งจะต้องหารือร่วมกับนักวิชาการ และคณะทำงานในจังหวัดเพื่อลดความเสี่ยงในพื้นที่ต่อไป ขณะเดียวกันจะต้องส่งเสริมให้ประชาชนให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยภาคบังคับ ซึ่งในปี 2567 พบว่า มีรถจักรยานยนต์ อย่างน้อย 7.3 ล้านคัน หรือร้อยละ 32 ไม่ทำประกันภัยภาคบังคับที่วิ่งอยู่บนท้องถนน ขณะที่สัดส่วนการไม่ทำประกันภัยภาคบังคับในจังหวัดปราจีนบุรีมากกว่าสัดส่วนของประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 43 หรือ 70,000 คัน

ขณะที่มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นที่ กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยต้องจ่ายเยียวยาของรถที่ไม่ทำประกันภันภัยภาคบังคับสะสมตั้งแต่ปี 2559 - 2567 มากถึง 1,522 ล้านบาท ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดการทำประกันภัยภาคบังคับในกลุ่มเป้าหมาย อย่างผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดปราจีนบุรี เช่น นิคม 304 จะเป็นสิ่งที่โครงการนี้จะทดลองศึกษา และสังเคราะห์แนวทางที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. ต่อไป

ด้านนางมยุรินทร์ สุทธิรัตนพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงาน คปภ. กล่าวทิ้งท้ายในเวทีเสวนาว่า โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งที่จบลงหลังวันจัดงาน แต่เราหวังให้ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ถนนสาย 304 ของ จังหวัดปราจีนบุรี จะต้องกลายเป็นเส้นทางแห่งความปลอดภัยที่สะท้อนความร่วมมือของทุกภาคส่วน ตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน ไปจนถึงประชาชนทุกคน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ สำนักงาน คปภ. 

ประกันภัย ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP